กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--BRAINASIA COMMUNICATION
ในย่างก้าวสู่ Industry 4.0 หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่เป็นพลังขับเคลื่อนอนาคตของประเทศไทยและโลก ในเช้าวันเสาร์นักศึกษาจาก 5มหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 220 คน ได้มาร่วมงาน "DELTA Automation Academy 2017" พิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ผ่านการเรียนรู้เทคโนโลยีออโตเมชั่นซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาโลกและไทยแลนด์ 4.0 ในอนาคต จัดโดย บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ร่วมกับ 5 มหาวิทยาลัยของไทย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในงานนี้ยังได้เปิดเวทีเสวนา "นักศึกษาไทยเปิดใจ...ไทยแลนด์ 4.0" มุมมองคนรุ่นใหม่สู่ Thailand 4.0 เป็นครั้งแรก
มร.เซีย เชน เยน (Mr.Hsieh Shen-yen) ประธานบริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีใหม่ๆซึ่งมุ่งเน้นคุณภาพ ประหยัดพลังงานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น ต้องการประสิทธิภาพและลดการปล่อยคาร์บอน เรากำลังก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สู่Industry 4.0 โดยทุกคนทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น รอดพ้นจากผลกระทบภาวะโลกร้อน ดังนั้นการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจและใช้องค์ความรู้ต่างๆในการแก้ปัญหาโดยให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมให้เติบโตอย่างมีดุลยภาพกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ บริษัทฯ มีนโยบายที่จะช่วยเหลือสังคมและส่งเสริมการพัฒนาการศึกษา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาบุคลากรคนรุ่นใหม่และผู้เชี่ยวชาญที่จะสำเร็จการศึกษาออกไปมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยได้มอบอุปกรณ์สนับสนุนให้แก่ห้องเรียนอัจฉริยะ Delta Smart Classroom และมอบห้องปฏิบัติการอัจฉริยะ Delta Industrial Automation Lab ให้แก่สถาบันการศึกษาต่างๆ รวมถึงมอบทุนการศึกษาให้แก่มหาวิทยาลัย ตลอดจนโครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม โครงการจัดฝึกอบรมแก่อาจารย์และนักศึกษา "Delta Industrial Automation Training Program" เพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะในเทคโนโลยีออโตเมชั่นซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อโลกอนาคตและการต่อยอดนวัตกรรม นอกจากนี้เดลต้ายังจัดเวทีการประกวดแข่งขันระดับนานาชาติ DELTA CUP 2017 ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 2 ในหัวข้อ Smart Manufacturing กำหนดจัดในเดือนกรกฎาคม 2560 ณ เมืองหวู่เจียง ประเทศจีน นับเป็นเวทีท้าทายความสามารถของเยาวชนนักศึกษาในด้านวิศวกรรมระบบอัตโนมัติ ขอเชิญชวนนักศึกษาส่งผลงานนวัตกรรมเข้าประกวด โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.ประเภทหุ่นยนต์ (Smart Robots) 2.ประเภทเครื่องจักรกลอัจฉริยะ (Smart Machine) และ 3.ประเภทอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) นับเป็นเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์ของโลกและธุรกิจอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วสู่ Industry 4.0
ดร.อนุสรณ์ มุทราอิศ (Dr.Anusorn Muttaraid) กรรมการบริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เนื่องจากโลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสู่Industry 4.0 ในด้านนักศึกษายุค 4.0 มีความหมายมากกว่าการเตรียมความพร้อมของตนเพื่อออกไปประกอบอาชีพเท่านั้น นักศึกษาต้องใช้เวลาในการฝึกฝนตนเอง มีความอุตสาหะ อดทน รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีคุณธรรม สามารถปรับตัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อัธยาศัยไมตรี มีทักษะในศตวรรษที่ 21 การคิดวิเคราะห์เป็นหลัก และเปิดโอกาสให้ตนเองได้สัมผัสประสบการณ์ความรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ โครงการ Delta Automation Academy ได้ส่งเสริมและสนับสนุนด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยและพัฒนาศักยภาพของเหล่าเยาวชนนักศึกษา เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ทั้งวิชาการและได้ฝึกปฏิบัติจริง ควบคู่ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีม ผสมผสานศาสตร์ต่างๆ โดยมุ่งหวังว่านักศึกษาทั้งหลายที่ผ่านการอบรมจะเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งดีมีประโยชน์ นำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปประยุกต์ใช้และต่อยอดนวัตกรรม สามารถช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ในอนาคต
ภายในงานได้เปิดเวทีหลากหลายมุมคิดของนักศึกษาจาก 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เรื่อง "นักศึกษาไทยเปิดใจ...ไทยแลนด์ 4.0" (Empowering the next generation to Thailand 4.0) โดยเปิดมุมมอง แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทคนรุ่นใหม่กับการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าและยั่งยืนสู่ไทยแลนด์ 4.0
กรวิชญ์ สังข์แก้ว (Mr.Koravich Sangkaew) นักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เป้าหมาย Thailand 4.0 ซึ่งมุ่งพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมและองค์ความรู้นับเป็นสิ่งที่ท้าทายคนไทยทุกคนและต้องพร้อมใจกันลงมือทำตั้งแต่วันนี้ นักศึกษายุคใหม่ไม่เพียงแต่มีความรู้ในสาขาวิชาที่เรียนอย่างเดียว แต่ควรเรียนรู้พหุศาสตร์อื่นๆเพื่อเชื่อมโยงและดึงมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น เขียนโปรแกรมซึ่งสำคัญมากในยุค Industry 4.0 รวมทั้งความรอบรู้ทางด้านบัญชี การตลาด นิเทศศาสตร์ ในยุค Thailand 4.0 ผมอยากเห็นโครงข่ายของระบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะในอนาคตนั้นความต้องการของพลังงานไฟฟ้านั้นจะมีสูงอย่างแน่นอน รถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น บ้านทุกบ้านจะต้องมีระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน เราควรพัฒนาโครงข่ายระบบไฟฟ้าที่มั่นคงและเพียงพอต่อความต้องการของไฟฟ้าในอนาคตครับ
สุวิมล เหรียญตระกูลชัย (Ms.Suvimol Reintagulchai) นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า รู้สึกดีใจค่ะที่ได้เห็นความร่วมมือของภาคประชารัฐและภาคการศึกษาในวันนี้ ดังเช่น 5 มหาวิทยาลัยและเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ร่วมมือสนับสนุนกับ ในยุคที่เรามุ่งจะก้าวไกลไทยแลนด์ 4.0 อยากจะเห็นการพัฒนาความร่วมมือกันของภาครัฐ เอกชนและสถาบันการศึกษาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและต่อเนื่องไม่ใช่ทำๆแล้วหยุด หรือแล้วแต่นโยบายรัฐบาลแต่ละชุด ในทุกๆปีจะมีงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ดีๆมากมายที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยนักศึกษาไทย แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นแค่กระดาษส่งอาจารย์ ซึ่งถ้างานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนหรืออุปกรณ์ หรือโอกาสในการนำแสดงผลงานสู่สาธารณชนแล้ว คนไทยก็จะได้ประจักษ์ว่า "คนไทยเอง ก็สามารถทำสิ่งที่ต่างชาติทำได้เหมือนกันและบางเรื่องก็ทำได้ดีกว่า" คนไทยก็จะได้ภูมิใจในคนไทยและความเป็นไทย นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีของเราเอง ลดการนำเข้าและซื้อเทคโนโลยีต่างประเทศ อย่างที่คณะวิศวลาดกระบังได้พัฒนาจัดงานนิทรรศการใหญ่ปีละ 2 ครั้ง คือ Creativity and Innovation Day ของนักศึกษา อีกงานคือ Engineering Expoเดือน พย.เชิญองค์กรและภาคเอกชนร่วมชมผลงานสานความร่วมมือ
พีรวัส เริงฤทธิ์รณชัย (Mr.Peerawat Rengritronachai) หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า การจะพัฒนาสู่ Thailand 4.0 ต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก สิ่งที่นักศึกษารุ่นเราจำเป็นต้องมี knowledge and skills หมั่นหาความรู้และทักษะการทำงาน, Life long learning ไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง, Integrative thinking รู้จักคิดแบบผสมผสาน นำความรู้ที่มีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และ Social Response สนใจความเป็นไปในสังคมและนำความรู้ที่มีไปตอบสนองความต้องการของสังคมได้ ในอนาคตผมอยากจะเข้าไปทำงานในบริษัทหรือโรงงาน ซึ่งจะช่วยพัฒนาเราทั้งในด้านของทักษะ และประสบการณ์ ผมจึงอยากให้ภาครัฐและเอกชนรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้สนับสนุนการให้โอกาสนักเรียนนักศึกษาคนรุ่นใหม่ได้เข้าไปฝึกฝนและทำงานร่วมด้วย ทุกองค์กรต้องผสมผสานประสบการณ์ความรู้ความสามารถของคนรุ่นก่อนและความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ด้วย จะช่วยให้อนาคตประเทศของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
กรชนก เชาวรัตน์ (Ms.Kornchanok Chaowarat) นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวว่า ในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ ระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์ ดิจิตอล กระบวนการผลิต จะทำงานร่วมกัน ช่วยให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว คุณภาพและประสิทธิภาพในการดำรงชีวิตของมนุษย์ การใช้ระบบหุ่นยนต์ในการทำงานนั้น จะเป็นอีกก้าวของการพัฒนาระบบการทำงานจากรูปแบบเดิมๆไปอีกขั้นหนึ่ง เช่น ระบบอาคารจอดรถยนต์อัตโนมัติ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดในการประยุกต์องค์ความรู้ข้างต้นให้เกิดประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน การเป็นนักศึกษายุคดิจิตอลมีข้อดีคือ ความรู้ของเรายังคงสดใหม่ เมื่อบวกกับมุมคิดของคนรุ่นใหม่ซึ่งมักจะมีทักษะด้านดิจิตอลเป็นพื้นฐาน กล้าคิด กล้าทำ มีไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เมื่อเรานำความรู้เชิงวิศวกรรมและความคิดสร้างสรรค์สองสิ่งนี้มารวมกัน จะกลายเป็นเส้นทางที่เราจะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆออกมา เป็นพลังขับเคลื่อนของประเทศได้ค่ะ
ปัฐวิศา ตั้งตรัสธรรม (Ms.Pattavisa Tangtrustham) นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่และนิสิตวิศวกรรมศาสตร์ เราเรียนรู้สู่ยุค Thailand 4.0 ในเชิงที่ว่า พัฒนาตนเองให้ก้าวทันเทคโนโลยี นำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ วิจัยและสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ออกมาโดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์แก้ปัญหาได้จริงในปัจจุบันและตอบโจทย์อนาคต มีความคิดว่าในอนาคตอยากทำสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถช่วยเหลือมนุษย์ในสิ่งที่ทำไม่ได้ เช่น สร้างหุ่นยนต์มาช่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน สิ่งที่สนใจในตอนนี้เป็นพิเศษก็คือ RF Energy Harvesting คือการนำ Wifi มาทำให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งกำลังศึกษาและอยากจะพัฒนาต่อยอดไปในอนาคตค่ะ