กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--อินโดรามา เวนเจอร์ส
กำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมปี 2559 อยู่ที่ 16.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 145 เมื่อเทียบปีต่อปี ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 อยู่ที่ 8.7 ล้านตัน ส่งผลให้ไอวีแอลเป็นบริษัทผู้ผลิต PET และเส้นใยรายใหญ่ที่สุดในโลก กำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูงสุดอยู่ที่ 27.3 พันล้านบาท แม้ว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจจะชะลอตัว มีมติให้จ่ายปันผลในอัตรา 0.66 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 จากปี 2558
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 4 และผลประกอบการประจำปี 2559
ผลประกอบการประจำปี 2559 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม (Net Profit after tax and non-controlling interests) 16.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 145 เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) เติบโตร้อยละ 25 เป็นผลจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดย Core EBITDA ของธุรกิจ PET เติบโตร้อยละ 19 ในขณะที่ธุรกิจเส้นใยและธุรกิจวัตถุดิบ เติบโตร้อยละ 8 และ 42 ตามลำดับ ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 24 อยู่ที่ 8.7 ล้านตัน เป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการหลัก 2 แห่งในเดือนเมษายน 2559 ในตลาดที่มีอัตรากำไรสูงอย่างสหรัฐและยุโรป การเข้าซื้อกิจการทั้ง 2 แห่งดังกล่าวในสหรัฐและสเปน มีเป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและป้องกันความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานด้วยการบูรณาการไปยังวัตถุดิบเพิ่มเติม ในขณะเดียวกันช่วยปรับปรุงผลการดำเนินงานในภาพรวมของบริษัทฯ ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจจะชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งภาพรวมของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ necessities ได้รับผลกระทบจากอุปทานส่วนเกิน อัตราการผลิตที่ลดลงและผลจากกำไรในอุตสาหกรรมที่ลดลงต่ำสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยม
ไตรมาสที่ 4 ปี 2559 บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 7.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากไตรมาสที่ 4 ปี 2558 เป็นผลจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี 2559 และอัตราการผลิตรวมที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 86 จากร้อยละ 82 ในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 ธุรกิจปัจจุบันหากไม่รวมการเข้าซื้อกิจการทั้ง 2 แห่งที่กล่าวถึง มีการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินโครงการเพื่อความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นในปี 2559 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุน (ROCE) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 10.4 สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและรายได้ที่เพิ่มขึ้น
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าว "แม้ว่าเราจะได้รับแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่มีความท้าทายและกำไรที่ลดลงในอุตสาหกรรม แต่ปี 2559 เป็นปีที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เราบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายการดำเนินงาน ในขณะเดียวกันสามารถสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจ PET และวัตถุดิบ ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) แม้จะมีรายได้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ของรายได้รวม แต่สามารถทำกำไรสูงถึงร้อยละ 50 ของกำไรรวมของบริษัทฯ ด้วยขนาดการดำเนินงานระดับโลกของไอวีแอล ทำให้บริษัทฯ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และพร้อมที่จะรับประโยชน์จากนี้ไปในอนาคต เมื่ออุปสงค์และอุปทานมีการปรับตัวอย่างสมดุล ประกอบกับอุตสาหกรรมที่มีการควบรวมเพิ่มเติม กลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มนี้ จะช่วยสร้างโอกาสในการเติบโต ตลอดจนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร รวมทั้งการขยายอัตรากำไรให้แก่บริษัทฯ"
บริษัทฯ เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ 2 แห่งในปี 2559 และมีโครงการขยายการเติบโตที่กำลังดำเนินอยู่อีกหลายโครงการ อาทิ โครงการปรับปรุงโรงงานเอทิลีนแครกเกอร์ แบบ dual-feed กำลังการผลิต 440,000 ตันต่อปี ในรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ที่กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2560 นี้ ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้เต็มปีเป็นปีแรกในปี 2561 โครงการขยายกำลังการผลิต PTA ในเมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงกลางปี 2560 ทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 700,000 ตันต่อปี เพียงพอสำหรับการใช้ภายในสำหรับโรงงานผลิต PET ในยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา (EMEA) นอกจากนี้บริษัทฯ ยังประกาศขยายการผลิตเส้นใยสำหรับยางในรถยนต์ในประเทศจีน ซึ่งอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งการขยายกำลังการผลิตเส้นใย ในประเทศอินโดนีเซีย และการขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิต IPA ในประเทศสเปนเป็นสองเท่า อยู่ที่ 250,000 ตันต่อปี
"เรามีการเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐเป็น 3.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 2558 และยังมีกำลังการผลิตอีก 500,000 ตันจากโรงงานเอทิลีนแครกเกอร์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินงานในปี 2560 ทำให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นราว 4 ล้านตัน ปัจจุบันไอวีแอลเป็นผู้ผลิตกรดไอโซพาทาลิก (IPA) เพียงรายเดียวใน EMEA โดย IPA เป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับการผลิต PET สีและสารเคลือบ เราคาดว่าจะได้รับผลประโยชน์ร่วมอย่างเต็มที่จากกิจการที่เข้าซื้อเหล่านี้ รวมทั้งโครงการขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้เรามีกำลังการผลิตรวม 12 ล้านตันในปี 2560 นี้"
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จในการปฏิรูปบริษัทให้เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริงและมีขนาดการดำเนินงานระดับโลก ครอบคลุมทุกภูมิภาคหลักในตลาดที่มีความต้องการการบริโภคผลิตภัณฑ์ทั่วโลก
นอกจากการดำเนินงานที่เป็นเลิศแล้ว เรายังผนวกการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลทางธุรกิจ เมื่อเร็วๆนี้ไอวีแอลได้รับยกย่องด้านผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีคะแนนสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) และกลุ่มดัชนี FTSE4 Good Index สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความพยายามของบุคลากรของเราในการขับเคลื่อนให้ไอวีแอลเป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนอย่างแท้จริง" นายโลเฮียกล่าวสรุป
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2559 ที่ 0.66 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 จากปี 2558