กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ชี้การลงทุน และเศรษฐกิจกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) มีการเติบโตสูง เร่งระดมนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ กางแผนแนวบุกอาเซียน 2560 เน้นสร้างประสบการณ์ในรูปแบบ Business to Consumer (B2C) เน้นความบันเทิง และไลฟสไตล์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ส่งงานคอนเสิร์ตอีดีเอ็ม และร็อก ประสบการณ์งานดนตรีแบบใหม่ งานเทรดโชว์ แสดงสินค้าธุรกิจดาวรุ่ง และงานแคมเปญการตลาด เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ตอบรับนโยบายด้านการลงทุน และการพัฒนา ทั้งในด้านบุคลากร และเศรษฐกิจ ระหว่างความสัมพันธ์ของประเทศไทย และเมียนมา
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยน อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "เนื่องด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง Q1 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ประกอบกับนโยบายทางรัฐบาลไทย และเมียนมาที่ส่งเสริมความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อาทิ เรื่องโครงสร้างการคมนาคม การอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา และการลงทุน ทั้งในด้านบุคลากร และเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอินเด็กซ์ฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศเมียนมาตั้งแต่ปี 2011 ด้วยการยกโมเดลธรุกิจอีเว้นท์จากประเทศไทย ไปสร้างสีสันให้กับตลาด โดยใส่ความคิดสร้างสรรค์ ขยายสู่ธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ล่าสุดกางแผนแนวบุกอาเซียน ปี 2560 โดยเน้นกลยุทธ์สร้างสรรค์งานในลักษณะการสร้างประสบการณ์ร่วมในรูปแบบของ Business to Consumer หรือ (B2C) มากขึ้น โดยรูปแบบโมเดลธุรกิจที่เป็นลักษณะของอีเว้นท์ ยังคงได้รับความนิยม และมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง จึงส่งซีรีส์งานในรูปแบบของความบันเทิงไลฟสไตล์หลากลหาย พร้อมสร้างกิจกรรมให้กับลูกค้าประเดิมต้นปี อาทิ รูปแบบของคอนเสิร์ต เทศกาลงานดนตรีอิเล็กซ์ทรอนิกส์ยุคใหม่ หรือ อีดีเอ็ม (EDM) โดยมีดีเจชั้นนำจากต่างประเทศ และดีเจชั้นนำจากเมียนมา ที่จะมาสร้างความมันส์ และงานคอนเสิร์ตที่เอาใจคอเพลงฮาร์ดร็อกสไตล์ ถ่ายทอดโดยศิลปินเพลงร็อคชื่อดังของเมียนมาในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ด้านรูปแบบของงานเทรดโชว์ที่ทางอินเด็กซ์ฯ มีเทรดแฟร์ประจำอยู่ 3 งานต่อปี จัดต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 3 ปี คือ งานเมียนมา บิวท์ แอนด์ เดคคอว์ (Myanmar Build & Decor) งานเมียนมา ฟู้ดเบฟ (Myanmar FoodBev) และงานเมียนมา รีเทล แอนด์ เอ็กซ์โป และงานอื่นๆ ที่กำลังทยอยตามมาอย่างต่อเนื่อง และรูปแบบของแคมเปญเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้า ในส่วนของภาคเอกชน ทั้งจากแบรนด์โลคอล และแบรนด์โกลบอล ต่างทำกิจกรรมการตลาด และทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลสำคัญต่างๆ และในส่วนของภาครัฐบาล ที่มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นด้านความมั่นคง และการพัฒนาประเทศ ผ่านความร่วมมือกันระหว่างประเทศกับทุกภาคส่วน"
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวเพิ่ม "ด้วยโอกาสการเติบโตของธุรกิจในประเทศเมียนมายังมีอีกหลายช่องทาง และโอกาสอีกหลายแง่มุมที่สามารถเข้าไปพัฒนา และต่อยอดได้ ประกอบกับการเจรจาทางการค้า และความร่วมมือระหว่างไทย และเมียนมาในการพัฒนาด้านต่างๆ เป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกทำให้เศรษฐกิจเป็นในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงเรียกความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ และนักลงทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ผนวกกับอินเด็กซ์ฯ มีความแข็งแกร่งในเรื่องของการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนางานที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของอีเว้นท์อีกต่อไป ด้วย 5 ยุทธศาสตร์ 5 เครื่องมือหลัก คือ 1. งานด้านอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง (Event Marketing) 2. งานด้านการจัดเฟสทีฟ อีเว้นท์ (Festive Event) 3. งานด้านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านงานวิจัย (Consumer insight: Research) 4. การสร้างช่องทางในการสื่อสารแบบผสมผสาน (Integrated media platform) และ 5. การจัดงานแฟร์ และเอ็กซิบิชั่นทุกรูปแบบ (Professional Exhibition Organizer) มั่นใจผลประกอบการณ์ Q1 ในกลุ่มธุรกิจอาเซียน วิงซ์ (ASEAN Wings) จะเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว นอกจากนี้ได้ขยายธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ อาทิ การพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างมูลค่า ในรูปแบบของสถานที่ท่องเที่ยว และการสร้างงานใหม่ๆ ที่เป็นโปรเจคของอินเด็กซ์ฯ เอง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงภายใต้หลักของการใช้ความคิดสร้างสรรค์"