กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--IR network
"ชูชาติ เพ็ชรอำไพ"บิ๊กบอส บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์-นาโนไฟแนนซ์ เบอร์หนึ่งของเมืองไทย ปี"59 กวาดรายได้กว่า 4,471.99 ล้านบาท กำไรพุ่ง 1,464.14 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ วางเป้าปี"60 ยอดปล่อยสินเชื่อโตเกิน 50% เล็งเปิดสาขาเพิ่มอีก 600 สาขา ปูพรมทั่วไทย ดันรายได้-กำไร ทำนิวไฮต่อเนื่อง ผู้ถือหุ้นเฮลั่น!!!! บอร์ดเคาะจ่ายปันผล 0.10 บาท/หุ้น
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ( MTLS ) ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซต์ และนาโนไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2559 มีรายได้รวม 4,471.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,913.05 ล้านบาท หรือ 74.76% เมื่อเทียบกับปี 2558
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯยังมีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2559 ในอัตรา 0.10บาท/หุ้น โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อ ปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 28 เมษายน 2560 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พฤษภาคม 2560 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2560
"สาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้และกำไรของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งและทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ได้รับอานิสงส์ยอดปล่อยสินเชื่อที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ตามแผนงานการขยายสาขาปูพรมทั่วไทยของบริษัทฯ ทำให้จำนวนลูกค้าที่มาขอรับสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยในปี 2559 มียอดปล่อยสินเชื่อใหม่กว่า 37,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นโปรดักท์ใหม่ของเมืองไทยลิสซิ่ง มียอดปล่อยสินเชื่อกว่า 710.67 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อันดับหนึ่งของตลาดเช่นเดียวกับสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซต์ ภายใต้จุดแข็งของบริษัทฯที่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อรวดเร็ว สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ" นายชูชาติกล่าว
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ( MTLS ) กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี2560 ว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 50 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นนี้ ได้จากช่องทางการขยายสาขาอีก 600 สาขา เป็น 2,200 สาขา จากสิ้นธันวาคม 2559 มีสาขา 1,600 สาขา โดยสาขาใหม่ที่เตรียมเปิดในปีนี้ เน้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เนื่องจากบริษัทฯมองว่าตลาดยังสามารถเติบได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้และกำไร ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และบริษัทฯตั้งเป้าคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไว้ที่ระดับ 1.50%