กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--กรมประมง
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 กำหนดให้การทำประมงนอกน่านน้ำต้องได้รับอนุญาตจากกรมประมงตามระเบียบของรัฐชายฝั่ง หรืองค์การระหว่างประเทศ โดยในช่วงเวลาที่ผ่านมากรมประมงได้มีการออกใบอนุญาตทำการประมงในมหาสมุทรอินเดียให้กับผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ของไทยเพื่อออกไปทำการประมงสัตว์น้ำประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มทูน่าซึ่งอยู่ภายใต้ดูแลของ Indian Ocean Tuna Commission (IOTC) แม้ในขณะนั้นประเทศออสเตรเลีย สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และซีเซลล์ ได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งองค์การ South Indian Ocean Fisheries Agreement (SIOFA) ขึ้นมาเพื่อดูแลสัตว์น้ำชนิดพันธุ์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการดูแลของ IOTCแล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีกฎระเบียบในการควบคุมบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม กรมประมงได้แจ้งให้ผู้ประกอบการประมงทราบล่วงหน้าว่าหากมีกฎระเบียบที่ชัดเจนเกิดขึ้น ผู้ประกอบการประมงจำเป็นต้องนำเรือออกจากพื้นที่ทำการประมงดังกล่าวกลับมายังประเทศไทยก่อนจนกว่าจะได้รับอนุญาตจาก SIOFA อย่างถูกต้อง จึงจะสามารถกลับไปทำการประมงในพื้นที่ดังกล่าวได้อีกครั้ง
ที่ผ่านมา กรมประมงได้ดำเนินการติดต่อประสานงานกับเลขาธิการขององค์การ SIOFAเพื่อขอร่วมเข้าเป็นสมาชิก และเมื่อปี พ.ศ. 2559 กรมประมงได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ในการประชุมขององค์การระหว่างประเทศดังกล่าวด้วย เพื่อที่จะได้ทราบความคืบหน้าในการดำเนินการและนำมากำหนดแนวทางการบริหารจัดการเรือประมงไทยที่ประสงค์จะเข้าไปทำการประมงในเขตพื้นที่ดังกล่าวอย่างถูกต้อง และให้เป็นไปตามกฎระเบียบของ SIOFA
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมประมงพบว่ามีความเสี่ยงสูงมากที่เรือประมงของไทยจะทำการประมงไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบของ SIOFA จึงได้ออกประกาศเรียกเรือประมงพาณิชย์ที่ทำการประมงในบริเวณดังกล่าวกลับประเทศ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา เพื่อที่จะให้มีการขออนุญาตเข้าไปทำการประมงอย่างถูกต้อง และดำเนินการจัดระเบียบ พร้อมออกมาตรการที่สอดคล้องกับกฎระเบียบของ SIOFA ก่อนที่จะอนุญาตให้ดำเนินการทำการประมงได้อีกครั้งหนึ่ง
อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากนี้เพื่อพัฒนาการทำประมงนอกน่านน้ำไทย รัฐมนตรีว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายฉัตรชัย สาริกัลยะ) จึงได้สั่งการให้กรมประมงเร่งดำเนินการติดต่อประสานงานกับประเทศอื่นๆ เพื่อหาแหล่งทำการประมงนอกน่านน้ำให้กับผู้ประกอบการไทยต่อไป