กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนใหม่ แนะจับตาเฟด แจงผลการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2560 ที่ผ่านมา และการรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้าของกระทรวงพาณิชย์ 27 ก.พ.นี้ พร้อมทั้งการรายงานภาวะเศรษฐกิจโดยแบงก์ชาติ ประเมินดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด แนะลงทุนหุ้นกลุ่มเหล็ก อานิสงส์ราคาเหล็กรีดร้อนพุ่งแตะ 615 ดอลลาร์ต่อตัน และหุ้นกลุ่มเดินเรือรับค่าระวางเรือฟื้นตัว ด้านราคาทองคำมีโอกาสฟื้นตัวลุ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,250 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวรับที่ 1,210 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันดีดทรงตัวระดับสูง หลังกลุ่มในและนอกโอเปกอาจจับมือเพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไป (จากเดิม 6 เดือน) รวมทั้งการเตรียมประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 28 ก.พ. และการที่สภาพัฒน์เผย GDP ทั้งปี 59 เติบโต 3.2% ตามคาด รวมทั้ง consensus คาดการณ์ GDP ปี 60 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปี 59 ในอัตราที่ใกล้เคียงกับการเติบโตในปี 59
ส่วนปัจจัยลบที่คาดว่าจะมีผลเชิงลบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นความผันผวนของ Fund Flow ต่างชาติจากนโยบายเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ และความผันผวนของแรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบและปันผลปี 2559
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 22 ก.พ. ทางคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐ (เฟด) จะมีการเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2560 และในวันที่ 27 ก.พ. กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า รวมทั้งวันที่ 28 ก.พ. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับแรงกดดันจากความผันผวนของ Fund Flow ต่างชาติตามนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามคาดจะมีแรงซื้อดักงบและเงินปันผลปี 2559 เข้ามาพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัว ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไร แบบ Selective Buy ในกลุ่มเหล็ก ซึ่งคาดว่างบปี 2559 จะเติบโตขึ้น รวมถึงราคาเหล็กรีดร้อนทรงตัวระดับสูงล่าสุด 615 ดอลลาร์ต่อตัน และกลุ่มเดินเรือ ค่าระวางเรือมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นโดย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 10.5%
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำตลาดโลกในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-21 ก.พ.2560) ดีดกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดที่ 1,216 ดอลลาร์ มาแตะจุดสูงสุดที่ 1,244 ดอลลาร์ แล้วทรงตัวในกรอบที่แคบลงในช่วงดังกล่าว โดยนักลงทุนต่างชะลอการซื้อขายเพื่อรอปัจจัยใหม่มาสนับสนุน หลังจากดัชนีดาวโจนส์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง และความกังวลที่มีต่อความเสี่ยงในแถบยูโรโซนที่สูงขึ้นจากประเด็นการเดินหน้ากระบวนการ Brexit และความกังวลจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส ซึ่งอาจนำไปสู่การแยกสกุลเงิน และ/หรือ การแยกตัวจากกลุ่มในอนาคต ส่งผลให้การอนุมัติความช่วยเหลือด้านการเงินรอบใหม่ให้แก่กรีซที่กำลังจะมีขึ้นอาจมีความเห็นที่ขัดแย้งกันมากขึ้นในกลุ่มทรอยก้า ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงเรื่อง Grexit สูงขึ้น เป็นปัจจัยกดให้ค่าเงินยูโรอ่อนลงและหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น
ขณะที่ความคาดหวังต่อการออกมาตรการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ยังคงสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดการเงิน ดังนั้น การปรับฐานของราคาทองคำจึงยังคงดำเนินต่อไปบนความเสี่ยงที่รอการกลับเข้ามาหนุนราคาอีกครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับการสะสมของกองทุนSPDR ที่เริ่มชะลอลง โดยในช่วงปลายสัปดาห์มีการขายสุทธิเล็กน้อย 2.37 ตัน แต่การถือครองยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า โดยอยู่ที่ 841.17 ตัน จึงยังคงให้น้ำหนักต่อการมีสถานะ "ซื้อ" ในจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงมาตามการคาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะแกว่งตัว sideway ในกรอบจำกัด โดยให้ถือเพื่อรอขายในช่วงที่มีการ breakout ขึ้นไปเหนือ 1,250 ดอลลาร์ ส่วนจุด stop loss ยังคงให้ที่ 1,200 ดอลลาร์ ซึ่งในกรณีที่หลุดระดับ 1,215 ดอลลาร์นักลงทุนควรปรับลดสถานะ long ในพอร์ตลง แล้วปรับกลยุทธ์มาเล่น swing trade มากขึ้น