กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
สาวๆที่ตั้งครรภ์พึงระวัง ที่ชายแดนจังหวัดตาก เกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นโดนหามเข้าโรงพยาบาล ทำลายสถิติผู้ป่วยมาลาเรียไปแล้ว สาธารณสุขเร่งส่งเสิรมด้านโภชนาการ พร้อมช่วยเหลือเต็มที่
น.พ.มงคล ณ สงขลา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมราชการในพื้นที่เขตชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และกำแพงเพชรที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่าหญิงตั้งครรภ์ในแถบนี้มีปัญหาสุขภาพตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอดค่อนข้างสูง โดยเฉพาะพื้นที่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นเขตชายแดนในปี 2543 โรงพยาบาลแม่สอด ได้รับรักษาหญิงตั้งครรภ์ซึ่งมีโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ จำนวนมากถึง 1,377 ราย ซึ่งสูงกว่าผู้ป่วยโรคมาลาเรีย ที่เคยเป็นปัญหาครองแชมป์อันดับ 1 มาตลอด ในปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยโรคมาลาเรียในพื้นที่เพียง 1,005 ราย ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิภาพของยาและการรักษาโรคมาลาเรีย ดีขึ้น รวมทั้งมีการขยายคลินิกมาลาเรียเคลื่อนที่ลงสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง
"ปัญหาผู้ป่วยด้านนรีเวชของโรงพยาบาลแม่สอดนี้ นอกจากเป็นชาวเขาแล้วยังพบว่าประมาณ ร้อยละ 50 เป็นชาวต่างชาติที่เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ยาก เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายอพยพที่อยู่กันตลอดเวลา เป็นเหตุให้โรงพยาบาลในเขตชายแดนจังหวัดตากต้องรับภาระค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยต่างชาติสูงถึงปีละ 20 ล้านบาท เฉพาะโรงพยาบาลแม่สอดแห่งเดียวประมาณ 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องให้บริการทั้งนี้เพื่อมนุษยธรรม" ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
น.พ.มงคล กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้ในพื้นที่ชาวเขาหรือชายแดน กลไกสำคัญที่จะช่วยได้อย่างดีคืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และพนักงานสุขภาพชุมชน (พสช.)ในพื้นที่ เพราะจะเป็นคนที่รู้ปัญหาของชาวบ้านจริง ๆ จึงเร่งให้จังหวัดที่มีปัญหาอบรมให้ความรู้แก่ อสม.และพนักงานสุขภาพชุมชนเรื่องงานอนามัยแม่และเด็ก ให้เข้าใจและมีความรู้มากยิ่งขึ้น
กรณีคนในพื้นที่ไปทำแท้งเถื่อนมาถ้ารู้ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบ เพื่อจะได้ให้การรักษาได้ทัน เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด และมีอาการแทรกซ้อนถึงขั้นเสียชีวิตได้ สำหรับเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยให้เน้นหนักในเรื่องของการลงพื้นที่เข้าถึงชุมชนให้มากขึ้น ต้องทำในเชิงรุกไม่ใช่การตั้งรับในสถานบริการเท่านั้น คนที่ตั้งครรภ์เองก็ต้องให้ความสนใจตัวเองด้วย ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด เด็กไม่ดิ้น หรือปวดท้องก่อนกำหนด ต้องรีบปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีนโยบายให้จังหวัดในพื้นที่สูงและมีพนักงานสุขภาพชุมชนอยู่ ดำเนินการพัฒนาองค์ความรู้ของพนักงานสุขภาพชุมชน โดยให้ทุกคนที่มีวุฒิการศึกษาพร้อมที่จะเรียนต่อเป็นพนักงานสาธารณสุขชุมชน เข้าศึกษาต่อด้านสาธารณสุขเป็นเวลา 2 ปี หลังจากจบแล้วให้กลับไปอยู่ที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเดิม ไม่ต้องไปประจำอยู่ที่สถานีอนามัยเหมือนกับพนักงานสาธารณสุขชุมชนทั้งหมด เพราะเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชาวเขาที่จะสื่อสารกับคนในพื้นที่ได้อย่างดี โครงการนี้เป็นความต่อเนื่องจากโครงการเก่าในพื้นที่ชาวเขาเมื่อหลายปีก่อน และการพัฒนาบุคลากรตรงนี้ คาดว่าจะช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพของคนบนดอยและพื้นที่ชายแดนได้อย่างมาก
นอกจากนี้สาเหตุของโรคแทรกซ้อนในหญิงตั้งครรภ์ นพ.สุนทร ฮ้อเผ่าพันธุ์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการที่มารดาขาดสารอาหาร ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และในบางครั้ง ไทรอยด์ก็เป็นสาเหตุใหญ่อีกอย่างหนึ่ง หากว่าเป็นมากๆก็อันตรายถึงขึ้นแท้งได้ แต่ถ้าโชคดีเด็กคลอดออกมาได้ ก็อาจจะทำให้เด็กมีโรคร้ายตามมาด้วย เช่น ไทรอยด์ โรคเอ๋อเป็นต้น
นพ.สุนทรยังได้กล่าวอีกว่าภาคเหนือมีสถิติทารกที่คลอดออกมาจะมีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่าภาคอื่นๆ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมา เนื่องด้วยเด็กที่มีน้ำหนักตัวแรกคลอดต่ำกว่า 2,500 กรัม ถือว่ามีปัญหา เด็กบางคนก็ออกมาตัวเขียว ทางที่ดีคือเมื่อตั้งครรภ์ควรมีการไปฝากครรภ์ไว้ และควรพบแพทย์บ่อยๆ เพื่อตรวจว่าเด็กสมบูรณ์หรือไม่ ที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างหนึ่งคือ มารดาที่มีอายุน้อยเกินไปคือต่ำกว่า 17 ปี และอายุมากเกินไปคือ สูงกว่า 35 ปี ถือว่าเสี่ยงต่อการมีโรคแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ได้
แนวทางการป้องกันที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ มารดาต้องรับประทานอาหารที่มีโภชนาการ มีการดูแลตัวเองอย่างดี ซึ่งนพ.สุนทรบอกว่า ทางกรมอนามัยได้ออกไปรณรงค์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิดตามหมู่บ้านต่างๆในชนบนแล้ว เชื่อว่าน่าจะทำให้ชาวบ้านเข้าใจมากขึ้นและหันมาดูแลตัวเองในระหว่างที่ตั้งครรภ์ เพื่อให้ทารกที่คลอดออกมามีร่างกายและสมองที่สมบูรณ์ที่สุด--จบ--
-สส-