กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ซีเอ็มโอ
"ซีเอ็มโอ" เปิดผลงานปี 59 ทำรายได้ 1,200 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลอีก 0.055 บาท/หุ้น เพิ่มจากที่จ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 0.09 บาท/หุ้น ทำให้รวมทั้งปีจ่ายอยู่ที่ 0.145 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อราคาหุ้น8.43% ด้าน "ผู้บริหาร" เผยแม้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 59 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการงดจัดงานด้านบันเทิง แต่บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์และสามารถฝ่าวิกฤติ พลิกกลับมามีกำไรได้ แย้มแผนปี 60 เดินหน้าหาพาร์ทเนอร์ บุกตลาดCLMV เต็มสูบ หลังจากประสบความสำเร็จจากการ
จัดคอนเสิร์ต EDM ครั้งแรกในมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ ตั้งเป้าปี 60 โกยรายได้ 1,300 ล้านบาท
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน ครอบคลุมธุรกิจด้านอีเว้นท์,ด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2559 (มกราคม-ธันวาคม 2559) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท ลดลง 158 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.64% และมีผลขาดทุนสุทธิ29.95 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ที่ลดลงเนื่องมาจากผลกระทบจากการยกเลิก และเลื่อนการจัดกิจกรรมด้านบันเทิงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งส่งผลต่อบริษัท พีเอ็ม เซ็นเตอร์ ที่ทำธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ระบบภาพ แสง และเสียง ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของซีเอ็มโอ แต่จะเห็นว่าในส่วนรายได้เฉพาะกิจการ CMO นั้น สามารถทำรายได้ 638 ล้านบาท ซึ่งถึงแม้จะมีรายได้ลดลงจากปีก่อน แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนในทุกๆ ด้าน ทำให้บริษัทฯ พลิกกลับมามีกำไรอยู่ที่ 42.43 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 ยังมีมติให้เสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผลสำหรับการดำเนินงานประจำปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.055 บาท โดยจะนำเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป
"บริษัทฯ ต้องการให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น จึงได้มีมติจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมในอัตรา 0.055 บาทต่อหุ้น บวกกับปันผลที่จ่ายไปแล้วเมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งจ่ายไป 0.09 บาทต่อหุ้น ทำให้จ่ายปันผลคิดเป็นร้อยละ 84.3 ของกำไรสุทธิ ถ้าเปรียบเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน (ณ วันที่ 27 ก.พ. 60ราคาหุ้น 1.72 บาท) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนถึง 8.43% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นภารกิจสำคัญที่บริษัทฯ จะต้องตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะส่วนของธุรกิจ CMO ถือว่าเป็นที่พอใจ โดยบริษัทฯ เร่งปรับกลยุทธ์ทันที และสามารถฝ่าวิกฤติ พลิกกลับมามีกำไร โดยบริหารจัดการต้นทุน บวกกับการบริหารความเสี่ยง เพิ่มความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุน มีเพียงธุรกิจในกลุ่มงานด้านบริการระบบภาพ แสงและเสียง ที่ได้รับผลกระทบ แต่จะเห็นว่าหลายๆ งานเลื่อนมาจัดงานในปี 60 ไม่ได้ถูกยกเลิกทั้งหมด ทำให้มั่นใจว่า บริษัทฯ จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ได้ปรับแผนเพื่อฟื้นฟูธุรกิจ โดยบริษัทฯ เร่งดำเนินงานของลูกค้าเดิมที่ได้รับงานแล้ว บวกกับเดินหน้าหาลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มงาน Entertainment เช่น งานคอนเสิร์ต และโชว์ต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เลื่อนงานไปจัดในช่วงเดือน มี.ค. - เม.ย. ของปีนี้ โดยขณะนี้บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ ประมาณ 650 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยดำเนินการ และรับรู้เข้ามาเป็นรายได้จนถึงสิ้นไตรมาส 4/2560
ในส่วนของแผนการดำเนินงานในปี 2560 บริษัทฯ จะมุ่งขยายงานเพิ่มมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศCLMV (กัมพูชา,ลาว,เมียนมาร์ และเวียดนาม) หลังจากที่ได้ไปบริหารจัดงานระบบภาพ แสง และเสียง ในคอนเสิร์ต Electric Dream Festival in Mandalay ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรี EDM ขนาดใหญ่ครั้งแรกในมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีแนวทางที่จะรุกตลาดไปพร้อมกับแบรนด์ของไทยที่มีแผนจะขยายงานในต่างประเทศ ทำให้ต้องมีการจัดกิจกรรมการตลาด ส่งผลให้ภาพรวมอีเว้นท์ในต่างประเทศเติบโตไปด้วย
"บริษัทฯ ตั้งเป้าปี 60 รายได้ทั้งเครือ อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท โดยการเติบโตของธุรกิจจะมาจากธุรกิจสร้างแหล่งท่องเที่ยว (Tourist Attraction) ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ ได้แก่ "หิมพานต์ อวตาร" ซึ่งเป็นการแสดงวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ผสานเทคโนโลยีทันสมัย ในรูปแบบ 4 มิติ ที่ ศูนย์การค้า โชว์ ดีซี (Show DC) และธุรกิจสวนสนุก "อิเมจิเนีย เพลย์แลนด์" (Imaginia Playland) ที่เที่ยวสำหรับเด็กตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม ตลอดจนรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอีเว้นท์ เอเจนซี่ อันดับ 1 ของประเทศ ทั้งในแง่ของการเป็นผู้บริหารการจัดงาน และในกลุ่มของงานด้านบริการระบบภาพ แสงและเสียง แบบครบวงจร โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าของบริษัทฯ จะเป็นงานภาครัฐอยู่ที่ 20% และงานภาคเอกชนเป็น 80% ตลอดจนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 5% ของรายได้ทั้งหมด" นายเสริมคุณ กล่าวทิ้งท้าย