กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ธามดี พลัส
เถ้าแก่น้อยฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่ม 0.30 บาท/หุ้น รวมทั้งปีจ่าย 0.49 บาท/หุ้น หลังงบปี 2559 โชว์รายได้ 4,705.3ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4 % จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 781.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97.0% จากปีก่อน จากการเติบโตของยอดขายในเมืองจีน ส่วนในประเทศสามารถขยายช่องทางได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเปิดโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัว รองรับความต้องการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ วางกลยุทธ์การตลาดปี 60เน้นการตลาดรอบด้าน 360 องศา เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และเอาใจกลุ่มลูกค้าเดิมต่อเนื่องยาวถึงปลายปี
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) "TKN" ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปในรูปแบบต่างๆ อาทิ สาหร่ายทอดกรอบ สาหร่ายย่าง และสาหร่ายอบ ภายใต้ตราสินค้า "เถ้าแก่น้อย" เปิดเผยผลประกอบการปี 2559 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายในปี 2559 จำนวน 4,705.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.4 จากช่วงเดียวกันปี 2558 ที่มีรายได้จากการขาย 3,499.7 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 781.8 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 16.6 ของรายได้จากการขาย และเพิ่มขึ้นร้อยละ 97 จากกำไรสุทธิปีก่อน 396.9 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 4/2559 บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 1,306.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 981.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 234.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.1 จากปี 2558 ที่มีกำไร 152.1ล้านบาท โดยการเติบโตของรายได้และกำไรยังคงมาจากตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะประเทศจีนที่ผู้แทนจำหน่าย 2 รายสามารถสร้างยอดขายรวมในประเทศจีนเติบโตกว่าเท่าตัวจากปีก่อน เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐอเมริกา เวียดนาม รวมถึงตลาดในประเทศที่มีการเติบโตเช่นกัน
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงบริหารจัดการต้นทุนในเรื่องราคาวัตถุดิบ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดอัตราการสูญเสีย ตลอดจนเน้นการขายกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการและมีกำไรที่ดีเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกทางหนึ่ง โดยปีที่ผ่านมามีสินค้าใหม่ อาทิ สาหร่ายอบ Big Sheet, ขนมสาหร่ายทะเลทอดกรอบ Seagle ตลอดจน บิสกิตแท่ง เพรทซ์ เถ้าแก่น้อย รสโนริสาหร่าย ที่ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะ Co brand เพื่อกระตุ้นตลาดแสน็กในประเทศ
จากผลประกอบการที่มีการเติบโตดังกล่าว จึงมีมติจ่ายปันผลประจำปี 2559 ในอัตราเพิ่มหุ้นละ 0.30 บาท รวมเป็นเงิน 414 ล้านบาท หลังมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.19 บาท รวมเป็นหุ้นละ 0.49 บาทหรือคิดเป็น 90% ของอัตรากำไรสุทธิ โดยจะปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 14 มีนาคม 2560 ก่อนนำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อกำหนดจ่ายในวันที่ 12 พฤษภาคม 2560
"ผลประกอบการที่ออกมาน่าพอใจ โดยที่ผ่านมาบริษัทมองหาโอกาสในเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดเมืองจีน ที่ยังมีช่องทางการเติบโตอีกมากเห็นได้จากยอดขายเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส อีกทั้งบริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดสม่ำเสมอทำให้เกิดความหลากหลายของสินค้า และครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นอกจากนี้ยังทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง" นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
สำหรับในปี 2560 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 15-20% โดยเตรียมเปิดโรงงานใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ โดยมีกำลังการผลิต6,000 ตัน รวมไปถึงการขยายตลาดประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการส่งออกแล้วกว่า 40 ประเทศ ขณะที่ตลาดในประเทศ บริษัทจะเน้นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเชิงรุกแบบ 360 องศาทั้งช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์ ในรูปแบบมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง และสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง โดยล่าสุดกับโปรเจ็คหนังสั้น "Share" โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อกัน ในหลากหลายรูปแบบความสัมพันธ์ และชวนให้เหล่าวัยรุ่นทำความดีกับคนที่อยู่รอบตัว ผ่านนักแสดงค่ายนาดาวบางกอก พรีเซนเตอร์ของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย Big Sheet อบ รวมถึงการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่เป็นกลุ่มบอยแบนด์จากประเทศเกาหลี GOT7 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ได้รับการตอบรับจากแฟนคลับเป็นอย่างดี โดยทางบริษัทมีแผนจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ผลประกอบการบรรลุตามเป้าหมายที่บริษัทได้วางไว้