กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตของสถาบันการเงินไทย 4 แห่งที่เป็นบริษัทลูก (subsidiaries) ของสถาบันการเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนี้
- ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT ได้รับการคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ที่ 'A-' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ 'AAA(tha)' โดยแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT ได้รับการคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CIMBS ได้รับการคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MBKET ได้รับการคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่งนี้ พิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารแม่ เนื่องจากฟิทช์มองว่าบริษัทเหล่านี้เป็นธนาคารหรือบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่และกลุ่ม ซึ่งได้แก่ United Overseas Bank Limited (UOB, AA-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ), CIMB Bank Berhad (CIMB) และ Malayan Banking Berhad (Maybank, A-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดยทั้งสามกลุ่มธนาคารแม่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทลูก มีอำนาจควบคุมการบริหารงาน และยังมีการผสานการดำเนินงาน (integration) ของบริษัทลูกเข้ากับกลุ่มอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ธนาคารแม่ยังให้สิทธิบริษัทลูกใช้ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันกับธนาคารแม่ และธนาคารแม่ยังให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกทั้งในด้านการดำเนินงานและการเงิน
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของ UOBT และ CIMBT ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของแต่ละธนาคาร เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร และมีสิทธิเทียบเท่า (pari passu) ภาระไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันอื่นของธนาคาร
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ของ UOBT มีปัจจัยในการพิจารณาหลักมาจากการที่ธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่ค่อนข้างเล็ก อีกทั้งธนาคารยังมีความสามารถในการทำกำไรที่ด้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่นในประเทศที่มีอันดับเครดิตสูงกว่าและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารยังอาจได้รับผลกระทบหากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในช่วงปีที่ผ่านมาธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับดี อีกทั้งยังมีฐานะสภาพคล่องที่ปรับตัวดีขึ้นและฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และธนาคารยังสามารถรับมือกับสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ท้าทายในช่วงปีที่ผ่านมาได้ดีกว่าธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่มีขนาดใกล้เคียงกันหรือขนาดเล็กกว่า
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของตราสารหนี้ด้อยสิทธิของ CIMBT ซึ่งนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (lower Tier 2) ตามเกณฑ์บาเซล 2 ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CIMBT 1 อันดับ โดยความแตกต่างของอันดับเครดิตของหุ้นกู้นี้สะท้อนถึงลักษณะด้อยสิทธิในโครงสร้างเงินทุน (capital structure) ของหุ้นกู้ดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตประเภทดังกล่าวของฟิทช์
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต - อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOB ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT (ยกเว้นในกรณีที่อันดับเครดิตสากลของ UOB ถูกปรับลดอันดับลงมากกว่า 3 อันดับ) เนื่องจากปัจจุบันอันดับเครดิตดังกล่าวของ UOBT ถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย (Country Ceiling) ที่ 'A-' ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทยน่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตสนับสนุนของ UOBT เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่มอันดับ
การเปลี่ยนแปลงของฐานะทางการเงินของ CIMB น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของ CIMBT และ CIMBS
การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของ Maybank น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของ MBKET
ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทลูกในประเทศไทยดังกล่าวนี้ หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) แก่บริษัทลูกมีการปรับตัวลดลง โดยอาจจะแสดงได้จากการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลูกอย่างมาก หรือการลดลงของระดับการสนับสนุนทางการเงิน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่ได้คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้น
อันดับเครดิตของ CIMBS อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยกลุ่ม CIMB กำลังอยู่ช่วงระหว่างการพิจารณาการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ China Galaxy Securities Company Limited ในส่วนของธุรกิจนายหน้าการซื้อขายหลักทรัพย์และอยู่ระหว่างการเจรจาขายหุ้นบางส่วน ทั้งนี้ผลกระทบของอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างผู้ถือหุ้นเมื่อการเจรจาได้ผลสรุป ในกรณีที่กลุ่ม CIMB มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน CIMBS ลงอย่างมีนัยสำคัญ (แต่ทั้งนี้กรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นกรณีสมมุติฐานหลัก (base case) ของฟิทช์) ฟิทช์อาจมีการทบทวนการประเมิน (re-assessment) ระดับของโอกาสที่ CIMB จะให้การสนับสนุนแก่ CIMBS โดยฟิทช์จะต้องพิจารณาว่า CIMB จะยังคงเป็นบริษัทแม่ที่จะให้การสนับสนุนแก่ CIMBS อยู่หรือไม่ หรือต้องมีการเปลี่ยนบริษัทแม่เป็นบริษัทอื่นในกลุ่มที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการกลุ่มธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยตรง ทั้งนี้การประเมินปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกระทบให้อันดับเครดิตภายในประเทศของ CIMBS มีการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ UOBT หรืออันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ CIMBT จะส่งผลในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของแต่ละธนาคาร
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT หากธนาคารสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดีต่อเนื่องและมีความสามารถในการทำกำไรที่ปรับดีขึ้นโดยที่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ของธนาคารไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แม้ธนาคารต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ท้าทาย ในทางกลับกันฟิทช์อาจปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร หากธนาคารมีอัตราส่วนในด้านการสำรองหนี้สงสัยจะสูญ (reserve coverage) และฐานะเงินกองทุนที่ปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญและเป็นเวลาต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CIMBT น่าจะส่งผลในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
UOBT:
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'A-'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F2'
- อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินคงอันดับที่ 'bb+'
- อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ '1'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
-อันดับเครดิตในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'AAA(tha)'
CIMBT:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'F1+(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (lower Tier 2) คงอันดับที่ 'AA-(tha)'
CIMBS:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'
MBKET:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'