กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์
บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผย ผลประกอบการประจำปี2559 มีกำไรกว่า 1,037 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 388 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 60% โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 11,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,551 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30% พร้อมจ่ายเงินปันผลประจำปี 0.23 บาทต่อหุ้น สำหรับปี 2560 บริษัทฯ ยกให้เป็นปีแห่งการควบรวมแต้มต่อทางธุรกิจ (Consolidating Advantage) จากความแข็งแกร่งทางการเงินจากผู้ถือหุ้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก พร้อมตั้งเป้ารายได้รวม 13,000 ล้านบาท โดยเปิดขายโครงการใหม่จำนวน 21 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท
ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า "ผลการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้กว่า 11,143 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายรายได้รวมเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท และสามารถทำกำไรจำนวน 1,037 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการทำกำไรอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เป็นผลมาจากรายได้จากการเปิดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ได้แก่ บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมทั่วกรุงเทพฯ ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และโรงแรม ก็มี การเติบโตอย่างต่อเนื่อง"
ธนพล กล่าวต่อว่า "โกลเด้นแลนด์ ได้วางแผนธุรกิจ 5 ก้าว โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2559-2563 ไว้ดังนี้
- ก้าวแรก ปี 2559 ต่อขยายความเติบโต (Extending Growth)
- ก้าวที่ 2 ปี 2560 ควบรวมแต้มต่อทางธุรกิจ (Consolidating Advantage)
- ก้าวที่ 3 ปี 2561 เพิ่มมูลค่า (Adding Value)
- ก้าวที่ 4 ปี 2562 เก็บเกี่ยวความสำเร็จ (Harvesting Success)
- ก้าวที่ 5 ปี 2563 จุดประกายความเติบโตไม่หยุดยั้ง (Recurring Next Growth)
โดยปี 2560 ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่ง "การควบรวมแต้มต่อทางธุรกิจ (Consolidating Advantage)" จากความมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ด้วยฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น เนื่องจากได้รับเงินเพิ่มทุนจาก บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด หลังการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่มเฟรเซอร์ส บริษัทฯ ได้นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความชำนาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติมาประยุกต์ใช้กับการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ แนวราบ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (Golden Ventures REIT) และนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ เช่น สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างถึงระดับฐานรากแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ "
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นให้โครงการเชิงพาณิชยกรรมได้รับการยอมรับจากผู้ใช้บริการนานาชาติ ดึงดูดบริษัทชั้นนำระดับโลกเสริมสร้างเศรษฐกิจประเทศให้แข็งแรงยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงตั้งเป้าให้ทุกอาคารผ่านมาตรฐานเกณฑ์การประเมินอาคารเขียว (Leadership in Energy and Environmental Design: LEED) โดยสภาอาคารเขียวของประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council: USGBC) ซึ่งอาคารสาทรสแควร์ และอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ได้ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวระดับGold เรียบร้อยแล้ว และตั้งเป้าให้โครงการสามย่านมิตรทาวน์จะผ่านเกณฑ์ประเมินเช่นเดียวกัน
สำหรับรายได้ของปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 11,300ล้านบาท โดยมีเป้ายอดขายที่ 18,000 ล้านบาท ผ่านโครงการที่เปิดขายรวม 50 โครงการแบ่งออกเป็น โครงการที่เปิดขายเดิมจำนวน29 โครงการ และมีแผนงานเปิดโครงการในปี 2560 อีก 21 โครงการมูลค่า 21,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 17 โครงการ บ้านแฝด 3 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ 2. รายได้จากการให้เช่า และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ 1,700ล้านบาท ซึ่งตั้งเป้ายอดการเช่าพื้นที่ของอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ หัวมุมถนนรัชดา-พระราม 4 อาคารสำนักงาน และโรงแรมมูลค่า5,000 ล้านบาท ไว้ที่ 100% จากปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 85% นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าบริหารจัดการอาคารสาทรสแควร์ และอาคารปาร์คเวนเชอร์ ซึ่งบริษัทฯ เข้าไปเป็นผู้บริหารทรัพย์สินให้กับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (Golden Ventures REIT)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีมติจ่ายเงินปันผลประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.23 บาท/หุ้น (เพิ่มขึ้น 130% จากปี 2558 ซึ่งจ่ายเงินปันผลรวม 2 งวดให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น) ทั้งนี้จะได้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อการอนุมัติต่อไป