กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"PTG" จับมือ "SAMMITR" รุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) ตั้ง บ.ร่วม ประกอบกิจการศูนย์บริการและซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ มีนโยบายเชิงรุกในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) เพิ่มขึ้นในปีนี้นั้น ขณะนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท สามมิตรมอเตอร์สแมนูแฟคเจอริง จำกัด (มหาชน) หรือ SAMMITR เพื่อประกอบกิจการศูนย์บริการและซ่อมบำรุงครบวงจรสำหรับรถบรรทุกทุกประเภท โดยมีการลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นเมื่อวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น คือ บริษัท โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ จำกัด (PRO TRUCK) เพื่อประกอบกิจการศูนย์บริการและซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุกทุกประเภท (Truck Service Center) รวมถึงการสร้าง การออกแบบศูนย์บริการ การจัดซื้อจัดจ้าง การขนส่ง การขอใบอนุญาต การทำตลาดโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การขาย การบริหารตัดการศูนย์บริการ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องทุกประเภท โดยมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จำนวน 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 100 บาท โดยงบที่ใช้ลงทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
"การร่วมลงทุนกับสามมิตรฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงเป้าหมายของบริษัทฯ ในการรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ Non-Oil ของบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจ Non-Oil ที่มีอยู่เดิม คือร้านกาแฟพันธุ์ไทยและ แมกซ์มาร์ท (MAX Mart) ซึ่งอยู่ในช่วงการขยายสาขาไปยังสถานีบริการน้ำมันพีที รูปแบบใหม่ซึ่งจะมีบริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่วางไว้ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้รายได้ที่มาจากธุรกิจ Non-Oil เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้" นายพิทักษ์ กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้จากธุรกิจ Non-Oil น่าจะเพิ่มมากขึ้น และในปี 2565 รายได้ที่มาจากธุรกิจ Non – Oil ตั้งเป้าไว้ที่ 15% ของรายได้ทั้งหมด อีกทั้งการร่วมมือกับสามมิตรฯ ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่จะขยายรูปแบบธุรกิจครบวงจรสำหรับยานยนต์ในรูปแบบอื่นๆ ต่อไปได้อีกในอนาคต
อนึ่ง ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณน้ำมันเติบโตประมาณ 30-40% จากปีก่อนที่มีปริมาณขาย 2.9 พันล้านลิตร และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตไม่น้อยกว่า 50-60% จากความสามารถในการบริหารต้นทุนสินค้า ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นของบริษัทฯ และบริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,500 ล้านบาท ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) 500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 1,000 ล้านบาท