กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--เอบีเอ็ม
โรงงานผลิตน้ำดื่มล้ำสมัยแห่งใหม่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เป็นน้ำดื่มบรรจุขวดคุณภาพสูงที่คืนความสดชื่นให้กับผู้บริโภคไทย ด้วยงบประมาณลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาทในการสร้างโรงงานผลิตน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นด้านการสร้างงาน สร้างอาชีพและการเติบโตอย่างยั่งยืน
กลุ่มธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ ภายใต้บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในการเป็นศูนย์การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์แห่งที่ 2 เพื่อส่งต่อน้ำดื่มคุณภาพสูงที่ทุกคนไว้วางใจพร้อมคืนความสดชื่นให้กับร่างกายแก่ผู้บริโภคใน 14 จังหวัดภาคใต้และทั่วประเทศ
สำหรับงานเปิด"โรงงานผลิตน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์" แห่งใหม่ในภาคใต้ที่ อ.พุนพินจังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ มีคณะผู้บริหารเนสท์เล่เข้าร่วมงานประกอบด้วย นางออดรีย์ เลียว ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า นายลูก้า คิโอด้า ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นายมัททิอัส รีห์เล ผู้จัดการระดับภูมิภาคเอเชีย กลุ่มธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ นายสเตฟาโน มาเนนติ ผู้จัดการโรงงานผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ เพียวไลฟ์ สุราษฎร์ธานี ทั้งยังได้รับเกียรติจากนายอีโว ซีเบอร์ เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย นายศุภวัชร ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และดร.อรัญญา เฟื่องสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เข้าร่วมพิธีเปิดด้วย
นางออดรีย์ เลียว ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า "ที่เนสท์เล่ เรายึดมั่นในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคตโดยกว่า 20 ปีที่กลุ่มธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เราได้ผลิตน้ำดื่มคุณภาพสูงภายใต้มาตรฐานเนสท์เล่ระดับโลกเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการเป็นน้ำดื่มที่ทุกคนไว้วางใจ ที่ใส่ใจต่อตนเองและใส่ใจต่อผู้อื่น"
ด้าน นายลูก้า คิโอด้า ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "เราได้ทุ่มงบประมาณกว่า 1,800 ล้านบาทในการสร้าง "โรงงานผลิตน้ำดื่มคุณภาพเนสท์เล่ เพียวไลฟ์" เพื่อเป็นศูนย์การผลิตน้ำดื่มคุณภาพสูงแห่งที่ 2 พร้อมการสร้างคุณค่าร่วมกันกับสังคม ด้วยจุดเด่นในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนโดยใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ลดการใช้น้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม"
นายคิโอด้า กล่าวต่อว่า "โรงงานผลิตน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ มีพื้นที่ 170,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยโรงงานผลิต คลังสินค้า สำนักงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ โดยผลิตน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ในขนาด 0.33 ลิตร 0.6 ลิตร และ 1.5 ลิตร โดยเราได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการน้ำที่สะท้อนพันธสัญญาระยะยาวของเนสท์เล่ในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ยังใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย VSEP ที่ลดปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิต และการเป็นศูนย์กระจายสินค้าสู่ภาคใต้จึงทำให้ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดระยะทางในการจัดส่งได้กว่า 3 ล้านกิโลเมตรต่อปี จึงช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี เรายังได้สร้างประโยชน์สู่ชุมชนด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นการยกระดับเศรษฐกิจให้กับภาคใต้"
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ยังมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างคุณค่าร่วมกันในสังคมและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้านในชุมชน ทั้งในเรื่องของการให้ความรู้ในเรื่องของการจัดการน้ำ และการรีไซเคิลขวดพลาสติก ได้แก่ โครงการเยาวชนพิทักษ์น้ำ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำดื่มเนสท์เล่และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ในการให้ความรู้แก่เยาวชนในการจัดการทรัพยากรน้ำในโรงเรียนและชุมชน รวมถึงการรีไซเคิลขวดพลาสติกกับโครงการ I am doing it ซึ่งเป็นการสอนเยาวชนให้รู้จักการรีไซเคิลขวดพลาสติกอีกด้วย
"เราเชื่อมั่นว่า การเปิด "โรงงานผลิตน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์" แห่งใหม่นี้ จะเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคตด้วยการส่งมอบน้ำดื่มคุณภาพสูงที่ผู้บริโภคและทุกคนในครอบครัวไว้วางใจ" นายลูก้า กล่าวทิ้งท้าย