กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--แม็คกรุ๊ป
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ("MC") ประกาศยอดขายสำหรับปี 2559 ที่ 4,442 ล้านบาท เติบโต 14.0% เทียบกับปี 2558 สอดคล้องกับประมาณการของบริษัทที่ 15% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่หลากหลายขึ้น จากกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ออกมาในระหว่างปี และจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากปี2558 สำหรับไตรมาส 4 ปี 2559 บริษัททำสถิติยอดขายรายไตรมาสที่ 1,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558 โดยมีกำไรสุทธิ 317 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาส 4 ปี 2558 จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากการขายและจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล จำนวน 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวน 400 ล้านบาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2559 รวมที่ 0.90บาทต่อหุ้น
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า "ปี 2559 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายของธุรกิจค้าปลีก เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยด้วยความระมัดระวัง บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการเติบโตของรายได้จากการขายและผลกำไร โดยเน้นอัตราการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิม (Same-Store-Sales Growth) ที่บริษัทสามารถทำได้สูงถึง 11.1% จากการจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่มีความหลากหลายขึ้นโดยเฉพาะเสื้อผ้าท่อนบน และด้วยกิจกรรมส่งเสริมการขายรายสัปดาห์ที่สนุกและคุ้มค่าต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเน้นการบริหารช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และบริหารจัดการ Supply Chain ให้เหมาะสม โดยบริษัทสามารถทำสถิติยอดขายใหม่ที่ 4,442 ล้านบาท เติบโต 14.0% จากปี 2558ใกล้เคียงกับประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายของบริษัทที่ตั้งไว้ที่ 15.0%"
"ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้จำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่มีความหลากหลายขึ้น โดยเน้นเสื้อผ้าท่อนบนให้มีแบบใหม่ๆ มีดีไซน์ที่ทันสมัย มีคุณสมบัติพิเศษตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้มากขึ้น อาทิ เสื้อยืดสะท้อนแสง เสื้อยืดที่ใช้เทคโนโลยี Dri-Balance และพัฒนาผลิตภัณฑ์ยีนส์อย่างต่อเนื่อง เช่นSelvedge Denim หรือกางเกงยีนส์ริมแดงคอลเลกชันใหม่ เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์สไตล์ Trucker Jacket ของสุภาพสตรีโดยใช้ผ้า Kaihara สำหรับกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ นอกจากจะมีการออกกระเป๋าเดินทางและเป้สะพายหลังแบบใหม่ๆ แล้ว ในไตรมาสสุดท้ายของปีบริษัทได้ออกสินค้าไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์สินค้าใหม่ ได้แก่ ชุดออกกำลังกาย (Activewear) ภายใต้แบรนด์สินค้า "UP" และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin care) ประเภทโลชั่นและเจลอาบน้ำภายใต้แบรนด์ "M&C""
"ไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่บริษัทมียอดขายรายไตรมาสสูงที่สุดปิดที่ 1,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558 โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิมเพิ่มขึ้น 4.1% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ปัจจัยหลักของการเติบโตมาปัจจัยทางฤดูกาล จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าท่อนบนที่หลากหลายขึ้น จากกิจกรรมส่งเสริมการขาย และจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในปีที่ผ่านมา"
"โดย ณ สิ้นปี 2559 บริษัทมีจุดจำหน่ายสินค้าทั้งสิ้น 897 แห่ง เพิ่มขึ้นสุทธิ 31 แห่งจากปีก่อน แบ่งเป็นร้านค้าปลีกของตนเอง 303 แห่ง ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 563 แห่ง รถโมบายเคลื่อนที่ 6 คัน และจุดจำหน่ายในต่างประเทศอีก 25 แห่งในเมียนมาร์ ลาว เวียดนาม และกัมพูชา"
นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในปี 2559 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมอยู่ที่ 54.7% ลดลงจาก 56.1% ในปี 2558 จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค คืนกำไรให้ลูกค้า และเพื่อลดสินค้าคงคลัง ทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นมาจากการปรับเปลี่ยนรายการส่งเสริมการขายให้เหมาะสมและจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4 ที่ 57.1% เพิ่มขึ้นจาก 54.1% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจาก 55.0% ในไตรมาส 3 ปี 2559"
"ในไตรมาส 4 บริษัทมีกำไรสุทธิ 317 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2558 ถึง 27.0% จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากการขายและจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากปี 2558 ทั้งนี้สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 2559 บริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล จำนวน 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวน 400 ล้านบาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี2559 รวมที่ 0.90 บาทต่อหุ้น"
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้กล่าวถึงแผนธุรกิจว่า "สำหรับปี 2560 แนวโน้มของ MC ยังคงเน้นการเติบโตของรายได้จากการขายและผลกำไร โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตประมาณ 12%-15% จากการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิมโดยสินค้าหลักยังคงเป็นเครื่องแต่งกายยีนส์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในตลาด ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์กลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเน้นการจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของตนเอง ขยายธุรกิจไปยังตลาดในภูมิภาคผ่านตัวแทนจำหน่าย ศึกษาตลาดใหม่เพิ่มเติม ตลอดจนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่เพิ่มโอกาสในการขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตามเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป"
นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี กล่าวเพิ่มเติมว่า "บริษัทประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 70 ล้านบาทในปี 2560 สำหรับขยายสาขาประมาณ 20-25 จุดขาย พัฒนาช่องทางออนไลน์ และระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management หรือ CRM) ทั้งนี้บริษัทคาดว่าระยะเวลาการขายสินค้าสำเร็จรูปโดยรวม ณ สิ้นปี 2560 จะลดลงมาอยู่ในระดับ 10.5 เดือน"
"สำหรับธุรกิจนาฬิกาซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TDC") ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% นั้น ในปีนี้ผู้บริโภคจะได้เห็นสินค้าใหม่ๆ และรายการส่งเสริมการขายที่น่าสนใจและคุ้มค่ามากขึ้นทั้งที่จุดขายของ TDC และทาง www.mcshop.com ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์ของบริษัท ทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจนาฬิกาจะมีทิศทางที่ดีขึ้นในปี 2560"
"ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD (Ex-dividend date) ในวันที่ 27 เมษายน 2560 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม2560 จากนั้นบริษัทจะทำการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2560"