กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--BRAINASIA COMMUNICATION
ในยุคดิจิตอล จากสถิติมีคนไทยเสียชีวิตจากการลื่นล้มสูง เฉลี่ยถึงวันละ 6 คน ครึ่งหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ การลื่นล้มเป็นสาเหตุการตายสูงเป็นอันดับ 2 รองจากอุบัติเหตุทางถนน และอาการบาดเจ็บจากการล้มมีอัตราความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความพิการและเสียชีวิต จึงเป็นข่าวดีแห่งปี เมื่อ 2 เมคเกอร์ไทยวัยโจ๋ ได้คิดค้น นวัตกรรม Fall Detection V.1 เพื่อคนสูงวัย
รศ.ดร.คมสัน มาลีสี (Assoc.Prof.Komson Maleesee) คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า ในโอกาสที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้เปิด 5 หลักสูตรวิศวอินเตอร์ ประกอบด้วย Innovative Civil Engineering, Chemical Engineering, Industrial and Management System Engineering, Biomedical Engineering, Computer Innovation Engineering เพื่อตอบรับไทยแลนด์4.0 และเทรนด์โลก นั้น เรามีความยินดีที่นวัตกรรมหนึ่งเดียวของโลก Fall Detection V.1 ระบบเฝ้าระวังผู้สูงอายุ โดยใช้กล้องตรวจจับการล้มพร้อมการแจ้งเตือน ผลงานสุดล้ำของ 2 นักศึกษาเมคเกอร์ (นักประดิษฐ์) นายรัชพล แขมภูเขียว และ นายสุธีบูรณ์ ชูวิทยา จากวิศวกรรมชีวการแพทย์ สร้างประวัติการณ์คว้าถึง 2 รางวัล คือ รางวัลชนะเลิศ และรางวัล Popular vote จากงานประกวด Enjoy Science Young Maker Contest 2016 จากผู้แข่งขันทั้งหมด 500 ทีม ที่จัดโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.), สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และพันธมิตร เมื่อเร็วๆนี้
นายรัชพล แขมภูเขียว (Mr.Ratchaphon Khaemphukhieo) เมคเกอร์ นักศึกษาปี 2 วิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.กล่าวว่า ที่มาของนวัตกรรม Fall Detection V.1 มาจากประสบการณ์ตรงของเราทั้งสองคน คือคุณพ่อของผมลื่นล้มในครัว และคุณยายของสุธีบูรณ์เกิดการลื่นล้มในเวลากลางคืนแล้วไม่มีคนอยู่บ้าน ไม่มีใครช่วยได้อย่างทันท่วงที ทำให้บาดเจ็บสาหัส จากสถิติคนไทยเสียชีวิตจากการหกล้มกว่าปีละ 2,000 คน ซึ่งเป็นสาเหตุการตายสูงเป็นอันดับ 2 รองจากอุบัติเหตุทางถนน โดยมักเกิดกับผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 65 -75 ปี และมีความเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้นตามอายุ ปัญหาที่พบบ่อยของผู้สูงอายุที่ได้รับอุบัติเหตุลื่นล้ม คือ กระดูกสะโพกแตกหัก รวมไปถึงอุบัติเหตุทางสมอง ซึ่งนำไปสู่ต่อความเสี่ยงพิการและความเสี่ยงเสียชีวิตสูงมาก
ผู้ป่วยกระดูกหักจากการลื่นล้มที่บ้านเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มักมีโรคประจำตัว ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง โรคหัวใจ บางรายมีไตวายเรื้อรัง จึงทำให้การดูแลรักษาซับซ้อนมากขึ้น และขณะอยู่ในโรงพยาบาลก็เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลกดทับ ปอดบวม ติดเชื้อในระบบต่าง ๆ เราสองคนจึงได้คิดค้น Fall Detection V.1 เป็นระบบเฝ้าระวังผู้สูงอายุ โดยใช้กล้องตรวจจับการล้มพร้อมการแจ้งเตือน แนวคิดหลัก คือ การเตือนภัยจากการล้ม โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ติดสัมผัสตัว จึงไม่เป็นภาระต่อการพกพาของผู้ป่วยและผู้สูงอายุ สามารถเตือนภัยได้ทุกเวลาโดยใช้หลักการของรังสีอินฟาเรด
นายสุธีบูรณ์ ชูวิทยา (Mr.Suteeboon Chuwittaya) เมคเกอร์นักศึกษาปี 1 วิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล.พูดถึง ระบบการทำงาน Fall Detection V.1 โดยกล้อง Kinect v.2 โดยปล่อยรังสีอินฟาเรด แบบจุด เมื่อรังสีอินฟาเรดกระทบกับวัตถุ จะสะท้อนรังสีกลับมาที่กล้อง กล้องจะวัดระยะความลึกแบบ Real Time 3D จากลักษณะแนวแกนลำตัวตามกระดูกสันหลัง โดยไม่ต้องติดสัมผัสกับตัวผู้สูงอายุหรือผู้พิการ สามารถทำงานได้แม้ในที่มืดสนิท และติดตั้งในห้องน้ำโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นร่างกาย เพราะระบบจะตรวจจับโครงกระดูกเท่านั้น ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เมื่อเกิดการล้มระบบแจ้งเตือนผ่านเสียง Siren และข้อความ SMS ที่จะลิ้งค์กับ iSpyConnect Application สามารถดูภาพแบบ Real Time หรือภาพย้อนหลังผ่านมือถือได้ นอกจากนี้จะมีกราฟวิเคราะห์ความรุนแรงที่เกิดจากการล้มที่เกิดขึ้นในแต่ล่ะข้อต่อกระดูกอีกด้วย
ด้านจุดเด่นและประโยชน์ของนวัตกรรม Fall Detection V.1 นายรัชพล แขมภูเขียว กล่าวถึง ว่า ระบบมีการเตือนภัยการล้มแบบ Real time ทำให้ญาติหรือคนที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ เข้ามาช่วยได้อย่างทันท่วงที, สามารถดูวีดีโอการล้มย้อนหลัง หรือดูแบบ Real time ได้ เพื่อช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยในการแพทย์, สามารถวิเคราะห์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการล้มได้จากกราฟแสดงความเร็วการเคลื่อนที่ของข้อกระดูกทั้ง 26 ข้อ, ไม่เป็นภาระต่อการพกพาอุปกรณ์ของผู้สูงวัยและผู้ป่วย และการตรวจจับการล้มโดยไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้สูงวัยและผู้ป่วย ประโยชน์ต่อครอบครัวช่วยให้บุตรหลานที่ออกไปทำงานนอกบ้านเกิดความอุ่นใจ เมื่อมีเทคโนโลยีและการสื่อสารช่วยให้สามารถดูแลพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ในบ้านได้ดียิ่งขึ้น งบประมาณที่ใช้ในการคิดค้นนวัตกรรมนี้ราว 15,000 บาท ปัจจุบันนวัตกรรม Fall Detection V.1 สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย แผนการพัฒนาขั้นต่อไป คือการนำระบบเดิมรวมเข้ากับระบบการแจ้งเตือนซึ่งนอกจากจะวัดการเต้นของหัวใจแล้วยังจะสามารถวัดความอุณภูมิของร่างกายได้อีกด้วย การได้เข้าร่วมโครงการ Enjoy Science : Young Maker Contest 2016 ทำให้ได้พัฒนาความสามารถและเป็นการท้าทายตนเอง นำทฤษฏีวิทยาการที่ได้ศึกษามาต่อยอดคิดค้นเพื่อแก้ปัญหา หากเรากล้าคิดกล้าทำและตั้งใจ อะไรก็เป็นไปได้ในยุคที่เราจะก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0
การเข้ามาสู่วงการของเมคเกอร์ หรือนักประดิษฐ์นั้น นายสุธีบูรณ์ ชูวิทยา กล่าวเสริมว่า จะเห็นได้ว่าวงการเมคเกอร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนที่มีความรู้ในเทคโนโลยีอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ในความเป็นจริงโลกของเมคเกอร์กว้างขวางมาก มีตั้งแต่คนเขียนโปรแกรม เขียนเว็บไซต์ นักออกแบบ นักประดิษฐ์สิ่งของใช้ในชีวิตประจำวัน โลกของนักออกแบบทำให้เห็นว่าโลกใบใหม่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์มากมาย มีประโยชน์ทำให้เราได้นำมาพัฒนาต่อยอดผลงานของตัวเอง ได้แชร์ข้อมูลกับผู้อื่น และได้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นและสังคมด้วย อีกไม่นานเราจะนำนวัตกรรมนี้ไปแสดงในต่างประเทศ และชมงานระดับโลก MAKER FAIRE ที่ประเทศอังกฤษ