กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--กรมประมง
กรมประมงประกาศให้เจ้าของเรือ หรือผู้ควบคุมเรือขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป นำเรือประมง และเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ เข้าตรวจสอบสภาพการทำงานของอุปกรณ์ VMS ให้พร้อมใช้งาน ณ ศูนย์แจ้งเข้า-แจ้งออกเรือประมง (PIPO) ก่อนออกทำการประมง หนุนแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 กำหนดให้เรือประมงขนาดตั้งแต่ 30 ตันกรอสขึ้นไป ที่ออกทำการประมงพาณิชย์ ต้องดำเนินการติดตั้งระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System : VMS) และดูแลรักษาระบบดังกล่าวให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา เพื่อดำเนินการตามมาตรการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวัง (Monitoring Control and Surveillance : MCS) ร่วมกับกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ในการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดหมาย ซึ่งกรมประมงได้ทำการออกประกาศ 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1. ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการติดตั้งระบบติดตามเรือประมง และดูแลรักษาระบบติดตามเรือประมงของเรือขนถ่ายสัตว์น้ำหรือเรือเก็บรักษาสัตว์น้ำให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และฉบับที่ 2. ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการติดตั้งระบบติดตามเรือประมง และดูแลรักษาระบบติดตามเรือประมงของเรือประมงพาณิชย์ให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2560 ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลบังคับใช้ ซึ่งประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2560 นี้
กรมประมง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของ หรือผู้ควบคุมเรือขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป นำเรือประมง และเรือขนถ่ายสัตว์น้ำหรือเก็บรักษาสัตว์น้ำ เร่งเข้าทำการตรวจสอบอุปกรณ์ VMS ภายในระยะเวลาตามที่ประกาศกำหนดไว้ ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะมีความผิดตามกฏหมาย
อย่างไรก็ตาม เพื่อสนับสนุนการดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศดังกล่าว กรมประมงจึงได้ร่วมกับศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) จัดทีมเจ้าหน้าที่เพื่อลงปฏิบัติการเร่งรัดการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ VMS ในเรือประมง และเรือขนถ่ายสัตว์น้ำหรือเรือเก็บรักษาสัตว์น้ำ ณ ศูนย์แจ้งเข้า – แจ้งออกเรือประมง (PIPO) ใน 22 จังหวัดชายทะเล ระหว่างวันที่ 1-30 มีนาคม 2560 โดยจะมีการให้คำแนะนำในการใช้อุปกรณ์ VMS ที่ถูกต้องและสามารถพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา มีการตรวจเช็คตำแหน่งในการติดตั้งอุปกรณ์อย่างเหมาะสม สามารถส่งสัญญาณรายงานตำแหน่งที่ตั้งได้ตามระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ จะมีการยึดตรึงอุปกรณ์ VMS สายสัญญาณ และสายไฟที่เชื่อมต่อเข้าอุปกรณ์ VMS ในรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้การใช้งานอุปกรณ์ VMS ของชาวประมงมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแต่อย่างใด ยกเว้นกรณีที่ต้องจัดหาอุปกรณ์ VMS ใหม่ทดแทนเครื่องเดิมที่ชำรุดเท่านั้น จึงขอเชิญชวนให้เจ้าของ หรือผู้ควบคุมเรือเร่งดำเนินการนำเรือเข้าตรวจสอบในช่วงเวลา 30 วัน ดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการล่วงเลยตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ สำหรับเรือประมงที่ยังอยู่ระหว่างการเดินทาง และไม่สามารถกลับเข้าฝั่งได้ทันตามระยะเวลาปฏิบัติการเร่งรัดที่กำหนด ขอให้แจ้งความประสงค์ในการขอรับการตรวจสอบอุปกรณ์ VMS กับศูนย์ PIPO ไว้ล่วงหน้าก่อนภายในวันที่ 30 มีนาคม 2560 นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์แจ้งเข้า-แจ้งออกเรือประมง (PIPO) ทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล