กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--Worklink PR
CCP เผยผลประกอบการปี 59 รายได้รวม 2,326 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 11.83 ล้านบาท เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายปันผล 0.022 บาท/หุ้น คิดเป็น 122.85% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย หากผู้ถือหุ้นอนุมัติจะกำหนดจ่ายปันผล 24 พฤษภาคม 2560 มั่นใจธุรกิจคอนกรีตและวัสดุก่อสร้างปี 60 แนวโน้มฟื้นตัวดี โครงการ EEC และเมกะโปรเจกต์หนุน ลุยตลาดสินค้าใหม่กลุ่ม Precast พร้อมขยายฐานลูกค้า B to C ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2,550 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยถึง ผลประกอบการปี 2559 มีรายได้รวมจำนวน 2,326ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,414.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ จำนวน 11.83 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการตามงบเฉพาะกิจการของ CCP สำหรับปี 2559 มีรายได้รวมจำนวน 1,541.79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ52.27 ล้านบาท เติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปี 2558ทั้งนี้ ผลประกอบการเฉพาะกิจการมีการเติบโต จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาขายสูง และปีที่ผ่านมาส่วนของงานภาครัฐเป็นช่วงเริ่มต้นที่มีงานต่างๆทยอยเริ่มงานและอนุมัติออกมาในช่วงQ3-Q4/59 ส่งผลให้ความต้องการใช้คอนกรีตปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงครึ่งหลังของปี แต่งานในส่วนภาคเอกชนยังชะลอตัวทำให้กลุ่มสินค้าของกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวตามตลาด
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 60 ให้พิจารณาอนุมัติจ่ายปันผล สำหรับผลการดำเนินงานปี 2559 ให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา0.022บาทต่อหุ้น จำนวนเงินจ่ายปันผลทั้งสิ้นไม่เกิน 60.90 ล้านบาท หรือคิดเป็น 122.85% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมายตามงบเฉพาะกิจการ ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมายหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 อนุมัติการจ่ายปันผล บริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผล (Record Date) วันที่ 11 พฤษภาคม 2560 ปิดสมุดทะเบียนวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2560
นายอาทิตย์ กล่าวต่อไปถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 60 ว่า สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้ คาดว่าจะมีทิศทางดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีสัญญาณบวกต่างๆทางด้านเศรษฐกิจที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจ อาทิ งานในแผนปฏิบัติพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) ที่เริ่มต้นไปแล้วหลายโครงการ และจากที่ภาครัฐมีการทยอยอนุมัติงานโครงการเมกะโปรเจ็กต์ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ออกมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อาทิ งานก่อสร้างถนน รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ ฯลฯ ทั้งนี้หากการก่อสร้างภาครัฐมีความต่อเนื่องและเป็นไปตามแผน น่าจะทำให้ภาคเอกชนมีการลงทุนตาม ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อทุกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยในเบื้องต้นส่วนภาคเอกชน เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีในส่วนงานนิคมอุตสาหกรรม และคาดว่าจะเห็นการลงทุนของภาคเอกชนทยอยมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 60 ไว้ที่ 2,550 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตจะเป็นไปตามการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ คาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทปีนี้จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20% โดยในส่วนของงานภาคเอกชน บริษัทจะมุ่งเน้นการเปิดตลาดใหม่จาก B to B เป็น B to C มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยง รวมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้า
โดยปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60-65% โดยบริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท