บล.แอพเพิล เวลธ์ มองหาก “เฟด” ขึ้นดบ. มี.ค. นี้ กดดัน SET แกว่งในกรอบ1,550 - 1,600 จุด ชูหุ้นผลตอบแทนสูง KKP , AP , SC, BCP ส่งออก CPF , GFPT , STA ท่องเที่ยว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 6, 2017 11:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--IR network บล.แอพเพิล เว ลธ์ มองหาก "เฟด" ขึ้นดอกเบี้ยแรง!!! กดดัน SET เดือนมี.ค.60 แกว่งตัวในกรอบ 1,550 - 1,600 จุด ชี้ปัจจัยในประเทศ ส่งออกฟื้น-งบ บจ.ปี"59 แจ่ม ยังช่วยหนุนดัชนีฯ แนะเกาะติดนโยบายเศรษฐกิจ"ทรัมป์" ใกล้ชิด หวั่น Fund Flow ไหลออก เชียร์สอยหุ้นผลตอบแทนสูง KTB ,KKP , AP , SC, BCP กลุ่มส่งออก CPF , GFPT , STA และกลุ่มท่องเที่ยว ERW , AAV เข้าพอร์ต นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน มี.ค.2560 นี้ ยังคงถูกแรงกดดันจากความไม่ชัดเจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ และความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยที่สหรัฐที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นเร็วกว่าคาดการณ์ในการพิจารณาวันที่ 15 มี.ค.นี้ ส่งผลให้ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,550 จุด แนวต้าน 1,600 จุด (Forward P/E 15.0 – 15.50 เท่า) "ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติยังชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ เพื่อรอประเมินผลกระทบจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ (FOMC) ซึ่งมีโอกาส 80% ที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการกดดันตลาดหุ้นไทย"นายอภิชัยกล่าว อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ หลังการประกาศตัวเลขการส่งออกในเดือน ม.ค. 2560 ที่ขยายตัวดีกว่าคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น 8.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากราคาสินค้าเกษตรและราคาน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 8.8 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 26.5 % เมื่อเทียบกับปีก่อน จากแรงหนุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น รวมถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน ในช่วง มี.ค. –เม.ย. นี้ ยังเป็นปัจจัยช่วยหนุนดัชนีฯ สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องติดตามในเดือน มี.ค. คือรายละเอียดนโยบายปรับลดภาษีนิติบุคล (จะปรับจากเดิมเก็บ 35 % ลดลงอยู่ที่ 20 % หรือ 15 %) , ลดภาษีบุคคลธรรมดาของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงแผนลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภค ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐรวมถึงทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเกิดใหม่มีโอกาสชะลอตัวลง โดย Fund Flow นักลงทุนต่างชาติในตลาด TIP ( ไทย , อินโดนีเซีย ,ฟิลิปปินส์ ) เดือน ก.พ. ที่ผ่านยังคงขายสุทธิ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยจำนวน 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 60 ที่ซื้อสุทธิ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวลงสู่แนวรับที่ 1,550 จุด โดยซื้อลงทุนกลุ่ม High Yield Stock (หุ้นผลตอบแทนสูง) เช่น KTB ,KKP , AP , SC, BCP ซื้อหุ้นกลุ่มส่งออก เช่น CPF , GFPT , STA และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เช่น ERW , AAV
แท็ก SET   เฟด  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ