กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--IR PLUS
L&E ยักษ์ใหญ่ธุรกิจแสงสว่าง มั่นใจผลงานปี 60 สุดแจ่ม ตั้งเป้ารายได้จากการขายและบริการโต 15% จากการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโครงการ และความต้องการสินค้า LED ที่เพิ่มขึ้น แถมเตรียมรุกตลาด AEC โดยเน้นกลุ่มประเทศ CLMV เป็นหลัก หวังดันสัดส่วนงานส่งออกโตเป็น 12% ในอีก 2 ปีข้างหน้า "ปกรณ์ บริมาสพร" ประธานกรรมการบริหาร เผย Q2 เตรียมเจาะตลาดเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัทย่อย ผุดสำนักงาน และโรงงานผลิต หลังดีมานด์ในประเทศดังกล่าวมีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่วนผลงานปี 59 ประสบความสำเร็จ รายได้จากการขายและบริการ 2,936 ล้านบาท โต10% กำไรสุทธิ 74.1 ล้านบาท โต 18% บอร์ดใจดีจ่ายเงินปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 0.15 บาท กำหนดจ่าย 25 พฤษภาคมนี้
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึง ทิศทางธุรกิจปี 2560 ตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายและบริการเติบโตขึ้น 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 2,936 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ เน้นสินค้านวัตกรรมใหม่ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในงานโครงการ ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ตามการขยายตัวของธุรกิจภาคเอกชนและงานก่อสร้าง โดยปัจจุบัน มีมูลค่างานคงค้างในมือ (Backlog) อยู่ที่ราว 900 ล้านบาททยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ และอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานโครงการอย่างต่อเนื่องอีก นอกจากนี้ บริษัทฯพร้อมรุกตลาด AEC เต็มกำลัง โดยเฉพาะในประเทศกลุ่ม CLMV ทั้ง กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง และคาดว่าจะสนับสนุนให้สัดส่วนงานในต่างประเทศของบริษัทฯ เติบโตขึ้นเป็น 12% ในอีก 2 ปีข้างหน้าจากปี 2559 อยู่ที่ 7% ของรายได้จากการขายและบริการได้
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเวียดนามคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/2560 โดยเป็นการลงทุนเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เวียดนาม เพื่อเปิดสำนักงาน โชว์รูมสินค้า คลังสินค้า และโรงงานผลิต รุกตลาดเวียดนามโดยเฉพาะ หลังเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ รวมทั้ง ลูกค้าของบริษัทฯ ที่เข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าว อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มซีพี และกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย จะสามารถซื้อสินค้าและบริการจาก L&E ได้อย่างครบครัน โดยใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท นำไปใช้ตกแต่งสำนักงาน และซื้อเครื่องจักรส่วนหนึ่ง
สำหรับตลาดในเมียนมายังมีการเติบโตที่ดี และเป็นตลาดหลักของบริษัทฯ แต่คาดว่าหลังจากบริษัทย่อยในเวียดนามเสร็จสิ้น จะสามารถสร้างรายได้ขึ้นมาใกล้เคียงกับเมียนมาได้ ส่วนลูกค้าในประเทศลาวและกัมพูชา ยังมีการส่งออกสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีการลงทุนใด ๆ เพิ่มเติมนอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดสำนักงานตัวแทนขายที่ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียเพิ่มเติมในปีนี้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอจดทะเบียน
"การรุกตลาดเวียดนามครั้งนี้ เป็นโมเดลในลักษณะใกล้เคียงกับการจัดตั้งบริษัทย่อยในเมียนมา แต่ขยายใหญ่กว่า เนื่องจากเมียนมาเป็นการจัดตั้งออฟฟิศสำนักงาน ไม่มีโรงงานผลิต เพราะเราเล็งเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดเวียดนามที่กำลังขยายตัว มีความต้องการใช้สินค้า L&E มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมองว่า คุ้มค่าในการลงทุนแน่นอน และมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจแสงสว่างรายใหญ่ของภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี" นายปกรณ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทฯ ประจำปี 2559 (มกราคม - ธันวาคม 2559) มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 2,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2558 ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่บริษัทฯ วางไว้ สนับสนุนให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 74.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 61.7 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรเบื้องต้นจากการขายและให้บริการ รวมทั้งรายได้อื่น ๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้น 59.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 7%
โดยรายได้จากการขายและให้บริการที่ออกมาอย่างน่าประทับใจ เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับงานโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการก่อสร้าง และปรับปรุงศูนย์การค้า ซุปเปอร์สโตร์ และร้านค้าต่าง ๆ ที่มีการขยายตัว รวมทั้ง ได้รับอานิสงส์จากโครงการของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ภาคเอกชนเพิ่มการลงทุนเปลี่ยนมาใช้หลอด LED สนับสนุนรายได้จากงานโครงการในปี 2559 เพิ่มจากปีก่อนหน้า 11% หรืออยู่ที่ 2,012 ล้านบาท ส่วนงานค้าส่ง-ค้าปลีกลดลง 3% เป็นผลจากการกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่อ่อนตัวลงและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการรุกตลาดต่างประเทศ มีรายได้จากงานส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 79% หรืออยู่ที่ 204 ล้านบาท เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดในภูมิภาคอาเซียน และ L&E สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2560
"ผลงานปี 59 ที่ออกมาเป็นบทพิสูจน์ของบริษัทฯ ในการเดินหน้ารุกตลาดแสงสว่างอย่างจริงจัง และสามารถทำผลงานได้ตามแผนที่วางไว้จากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราย้ายโรงงานใหม่ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มส่วนหนึ่ง ทั้งค่าเสื่อมราคาอาคาร เครื่องจักร และดอกเบี้ยจากการก่อสร้าง ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อยอดขายเพิ่มสูงขึ้น แต่มั่นใจว่า หลังจากโรงงานแห่งใหม่ ที่จังหวัดปทุมธานีแล้วเสร็จในปี 59 ที่ผ่านมา ประกอบกับความพยายามรุกทุกตลาดอย่างจริงจัง ในไตรมาส 4/59 จึงเริ่มเห็นกำไรต่อยอดขายที่คาดว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ ด้านบอร์ดบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจและให้การสนับสนุน L&E ด้วยดีเสมอมา" นายปกรณ์ กล่าวในที่สุด