กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--IR network
"โฮ เรน ฮวา" บิ๊กบอส บมจ. ไทยวา (TWPC) ชูธงแผนธุรกิจปี"60 เดินทัพมุ่งหน้าสู่ CLMV ขึ้นแท่นเป็นผู้นำในธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง วุ้นเส้น และเส้นก๋วยเตี๋ยว พร้อมเตรียมทุ่มงบลงทุน มูลค่า 1,000 – 2,000 ลบ. หวังรุกขยายฐานกำลังการผลิต-เพิ่มรายได้ อีกทั้งพัฒนาโปรดักท์ High Value-Added เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละประเทศในอนาคต คาดเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หนุนรายได้-กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงต่อเนื่องในระยะยาว ระบุปัจจุบันมี D/E ต่ำเพียง 0.03 เท่า ย้ำชัดถึงศักยภาพในการขยายการลงทุนในอนาคตได้อีกมาก
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังรายใหญ่ และครองส่วนแบ่งตลาดวุ้นเส้นอันดับหนึ่งในประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจในภูมิภาคโดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการวัตถุดิบของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
โดยเมื่อต้นปี 2560 บริษัทฯ ได้จัดตั้ง "บริษัท ทีดับบลิวพีซี อินเวสท์เมนท์ (กัมพูชา) จำกัด" (TWPC Investment (Cambodia) Company Limited) เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ และยังมีแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง อีกทั้ง บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตจดทะเบียนจัดตั้ง "บริษัท ไทยวาเวียดนาม จำกัด" (Thai Wah Vietnam Company Limited) เพื่อสร้างโรงงานวุ้นเส้นแห่งแรกในโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และยังมีแผนเตรียมไว้สำหรับธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอาหารอื่นๆ ในอนาคต
"ปัจจุบันนอกจากบริษัทฯ จะเข้าไปลุยธุรกิจในประเทศกัมพูชาและประเทศเวียดนามแล้ว บริษัทฯ ยังมองหาช่องทางการขยายการลงทุนไปในประเทศเมียนมาร์และลาวอีกด้วย พร้อมทั้งกระจายการลงทุนสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือ High Value-Added มากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศในอนาคต อีกทั้งบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายจัดสรรงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 - 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับเป้าหมายการสร้างศักยภาพการเติบโตของธุรกิจให้แข็งแกร่งและมั่งคงต่อไปในระยะยาวต่อไป" นายโฮ เรน ฮวา กล่าว
ทั้งนี้ โรงงานแป้งมันสำปะหลังในประเทศกัมพูชา และโรงงานวุ้นเส้นในประเทศ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยหลักสำคัญที่เข้าช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ส่งผลทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานของปีนี้จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งมีการเติบโตของรายได้และกำไรสูงสุดประวัติการณ์
อนึ่ง ผลประกอบการประจำปี 2559 สามารถทำสถิติใหม่สูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดตั้งบริษัทฯ โดยมีกำไรสุทธิ 669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อน และรายได้จากการขาย 6,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน อีกทั้งฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีเงินสดและเงินลงทุน รวมจำนวน 1,757 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Financial Debt to Equity ratio : D/E) เท่ากับ 0.03 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีศักยภาพในการขยายการลงทุนได้อีกมากในอนาคต