กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--เครือเบทาโกร
นายวรวุฒิ วณิชกุลบดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจต่างประเทศ เครือเบทาโกร กล่าวว่า ในวันที่ 1-5 มีนาคม 2560 นี้ เครือเบทาโกร หนึ่งในกลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารครบวงจร ได้ร่วมออกบูธแสดงสินค้าอาหารในงาน Top Thai Brands 2017 จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ ณ อาคารแสดงสินค้าเกาะเพชร (Diamond Island Convention & Exhibition Center) กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ภายในงานเชิญชิมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพและรสชาติอร่อย จากแบรนด์สินค้าอาหารซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล ได้แก่ แบรนด์ BETAGRO แบรนด์อิโตแฮม (Itoham) ทั้งสินค้าสดแช่เย็น ปรุงสุงและพร้อมรับประทาน อาทิ ไส้กรอก แฮม เบคอน ลูกชิ้น เป็นต้น และพบกับกิจกรรม Cooking Show โดยทีมเชฟจากประเทศไทย มาโชว์การทำอาหารเมนูพิเศษโดยใช้วัตถุดิบคุณภาพ
เครือเบทาโกร เริ่มทำธุรกิจในประเทศกัมพูชาด้วยการส่งออกอาหารสัตว์ไปจำหน่ายมากกว่า 10 ปี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากเป็นอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ ในปีพ.ศ.2551 จดทะเบียนก่อตั้ง บริษัท เบทาโกร (กัมพูชา) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชา ภายใต้การบริหารงานตามนโยบายเครือเบทาโกร ประเทศไทย ปัจจุบัน มีฟาร์มสุกรปู่-ย่าพันธุ์ และพ่อ-แม่พันธุ์ ฟาร์มไก่ไข่ ฟาร์มโครงการจ้างเลี้ยงสุกรขุน ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ไก่สามสาย ร้านเบทาโกร ช็อป สาขาพนมเปญและสาขาเสียมเรียบ รวมทั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์เบทาโกร (กัมพูชา) ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ (PPSEZ) สร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชาวกัมพูชาเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน ลูกค้าชาวกัมพูชามีความเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์อาหารจากเบทาโกร รวมถึงอาหารสัตว์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจเบทาโกรในกัมพูชาปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตมากว่า 20%
"การที่เบทาโกรเข้ามาทำธุรกิจในกัมพูชา มีส่วนช่วยให้การจัดส่งสินค้าไปสู่ลูกค้าทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือการขยายโอกาสการเข้าถึงสินค้าอาหารคุณภาพและปลอดภัย (Food Safety) สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทั้งในด้านราคา คุณภาพ และการบริการ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเบทาโกรในกัมพูชาเติบโตได้ เพราะเรามีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีมาอย่างยาวนาน และเรามุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัดในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมและความต้องการของตลาด และมีการพัฒนาด้านวิชาการให้ลูกค้าทั้งเกษตรกรและตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตแบบยั่งยืน" นายวรรวุฒิ กล่าว