กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยสถาบันรหัสสากล ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการใช้งานระบบมาตรฐานสากล GS1 และฐานข้อมูลสินค้าแห่งชาติ ในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2560 เวลา 08.30 – 10.30 น. ณ ห้องประชุม ส.อ.ท. 1 ชั้น 4 สภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อส่งเสริมการใช้ระบบโครงการฐานข้อมูลสินค้าแห่งชาติ (National Product Catalogue: NPC) ทั้งในส่วนมาตรฐาน ข้อมูลเชิงเทคนิค ตลอดจนการนำไปใช้งานในกิจการของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายประวิทย์ โชติปรายนกุล ผู้อำนวยการสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถาบันรหัสสากล ดำเนินงานภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 และเทคโนโลยีที่ระบุสินค้าด้วยคลื่นความถี่วิทยุ EPC/RFID (Electronic Product Code/Radio Frequency Identification) และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน สถาบันรหัสสากล จึงได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดทำฐานข้อมูลกลางในการจัดเก็บข้อมูลสินค้า หรือ National Product Catalogue เพื่อจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการขยายตลาดสินค้า ลดความผิดพลาดในเรื่องของข้อมูลสินค้า และลดระยะเวลาในเรื่องของโลจิสติกส์ได้เป็นอย่างดี
โดยทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ได้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มศักยภาพในด้านการบริการขนส่งและกระจายสินค้า รวมทั้งบริหารจัดการคลังสินค้าครบวงจรตามมาตรฐานสากล เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นทางเลือกที่สำคัญของธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศกลุ่มอินโดจีนภายในปี 2562 เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
"สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมมือจัดทำข้อตกลงบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ขึ้นเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูล และให้ความช่วยเหลือต่างๆ ระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านวิชาการและการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่คู่ค้าของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการนำระบบมาตรฐานสากล GS1 และฐานข้อมูลสินค้าแห่งชาติที่ทางสถาบันฯ ได้พัฒนาขึ้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน" นายประวิทย์ กล่าว
ด้าน ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ รักษาการ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทยฯ มีเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งและกระจายสินค้าแบบครบวงจร (Total Logistics Solution) ซึ่งจะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคอินโดจีน เพื่อประโยชน์และสนับสนุนนโยบายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ต่อไป พร้อมทั้งให้บริการทางด้านบริการคลังสินค้า และการจัดเก็บรักษาสินค้า ภายใต้มาตรฐานการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการ การรับคำสั่งซื้อ การบรรจุหีบห่อ การจ่าหน้าถึงผู้รับ ตลอดจนกระบวนการจัดส่ง และการกระจายให้ถึงมือผู้รับ ที่ได้มาตรฐานอย่างมีคุณภาพตลอดทุกขั้นตอน ด้วยระบบงานที่น่าเชื่อถือ ประกอบด้วย ระบบการควบคุม/การบริหารจัดการคลังสินค้า WMS-Warehouse Management System, ระบบการควบคุม ออกแบบ บริหารจัดการเส้นทางการขนส่งด้วย TMS-Transportation Management System การจัดการคำสั่งซื้อแบบ Real time และการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานGDP/GSP และ มาตรฐาน ISO เพื่อการสร้างความมั่นใจในระบบงานแบบ Total Logistics Solution และ One stop Service ที่สามารถให้บริการในระดับ World Class ต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวนี้จะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการพัฒนาองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ส่งเสริมการนำบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 และสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ไปใช้ปรับปรุงกระบวนการต่างๆในการดำเนินงาน จากข้อมูลข่าวสารเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า และการส่งเสริมการใช้ระบบโครงสร้างด้วยฐานข้อมูลสินค้าแห่งชาติ (National Product Catalogue :NPC) ทั้งในส่วนมาตรฐาน ข้อมูลเชิงเทคนิค ตลอดจนการนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อสนับสนุนนโยบายด้านต่างๆ ของประเทศต่อไป