กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
สถิติล่าสุดพบว่าคนไทยมากกว่า 1 ล้านคน กำลังเผชิญกับภัยเงียบ ที่ชื่อว่า "โรคกระดูกพรุน" อย่างไม่รู้ตัว และยังถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคน ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค จึงได้จัดงาน "โบน ชาเลนจ์ เดย์ (Bone Challenge Day) วันท้าประลองความแข็งแกร่งกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บียอนด์ แอลจี้ แคลเซียม-ดี" ที่มีนวัตกรรม "Calcium Pro-Absorption" ผสานแคลเซียมจากพืชอย่างสาหร่ายทะเลสีแดง ไฟเบอร์จากรากชิโครี่ และวิตามินดี 3 เพื่อให้คนที่รักสุขภาพได้ตระหนักถึงความสำคัญของกระดูก โดยมี ดร. พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี มาเผยถึงนวัตกรรมการดูดซึมแคลเซียมล่าสุด "Calcium Pro-Absorption" สารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุแคลเซียมได้ยาวนานและมากกว่าเดิม ร่วมด้วย มิส.โก พิน เอิน นักโภชนาการ จากประเทศสิงคโปร์ ร่วมพูดคุย ณ ยูนิลีเวอร์ เฮาส์ ถนนพระราม 9
ดร. พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี เผยว่า "องค์ประกอบ 2 ใน 3 ของกระดูกเป็นแร่ธาตุ โดยแร่ธาตุที่พบมากถึง 90% ก็คือแคลเซียม ยิ่งอายุเข้าสู่วัยเลข 3 มวลกระดูกจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว เมื่อมีปัจจัยต่างๆ เกิดขึ้น เช่น หญิงในวัยหมดประจำเดือน หรือชายที่ฮอร์โมนเริ่มลดลง รวมถึงการไม่ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามกระดูกก็ยังมีความสำคัญกับทุกช่วงวัย ตั้งแต่ในวัยเด็กและวัยรุ่นที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตจนถึงวัยชรา โดยใน 1 วัน ร่างกายคนเรานั้นควรได้รับแคลเซียม 800–1,000 มก. แต่เนื่องจากร่างกายของคนเราสามารถดูดซึมแคลเซียมได้เพียง 25-30% จากอาหาร อีกทั้งคนส่วนใหญ่รู้ว่าต้องดูแลกระดูก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตนเองรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพียงพอหรือไม่ จึงทำให้คนหันมาสนใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน แต่ปัญหาที่อาจตามมาคืออาการท้องผูก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากแคลเซียมคาร์บอเนตที่เกิดจากหินปูน มีงานวิจัยพบว่าการผสานแคลเซียมจากพืชอย่างสาหร่ายทะเลสีแดง ร่วมด้วยไฟเบอร์ที่สกัดจากรากชิโครี่ และวิตามินดี 3 มีส่วนช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมให้ร่างกายและกระดูกได้ดียิ่งขึ้น และไม่ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก โดยมีผลการทดสอบทางคลินิกพบว่า มีส่วนช่วยเพิ่มมวลกระดูกในกลุ่มอาสาสมัครได้ถึง 5% ภายในเวลา 3 เดือน และยังป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกในคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงกระดูกพรุนได้ถึง 14%"
มิส.โก พิน เอิน นักโภชนาการ จากประเทศสิงคโปร์ เผยว่า "ปกติการดูดซึมแคลเซียมจะเกิดขึ้นในลำไส้เล็ก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 7 ชม. โดยจะต้องมีวิตามินดีช่วย ในขณะที่วิตามินดีจะไม่เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ใหญ่ ในลำไส้ใหญ่จะมีจุลินทรีย์ที่ดีอาศัยอยู่ ซึ่งอาหารของจุลินทรีย์ก็คือไฟเบอร์ละลายน้ำบางชนิด เช่น ชิโครี่ไฟเบอร์ จะถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ และช่วยปรับสภาพลำไส้ใหญ่ให้เป็นกรดอ่อนๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้เหมาะต่อการดูดซึมแคลเซียม ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ยาวนานขึ้นถึง 24 ชม. และมากขึ้นเป็น 123%"
ไม่เพียงเท่านี้ภายในงาน ยังได้แนะนำท่าออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกจาก 2 เทรนเนอร์ หนุ่มหล่อหุ่นเฟิร์ม อย่างท่าเลก ลังค์ (Leg Lunge) ที่ให้ก้าวเท้าไปข้างหน้า 1 ข้าง แล้วย่อเข่าลงให้ต่ำที่สุด โดยที่เข่าไม่ต้องติดพื้น จากนั้นยืดตัวขึ้น โดยที่บ่า และหลังตรง ทำเช่นนี้ 10-15 ครั้งต่อ 1 เซ็ท แล้วสลับขา โดยทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน ท่านี้จะช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกในบริเวณหน้าขา สะโพก และหลัง หรือท่าจั้มปิ้ง แจ็ค (Jumping Jack) คือท่ากระโดดตบ ท่านี้จะได้ทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ต้องเกร็ง และยังได้ความแข็งแรงของกระดูกช่วงหัวไหล่ หลัง และขา โดยการกระโดดจะต้องหลังตรง ยืดแขนขึ้นให้สุด สายตามองตรงไปข้างหน้า ทำเช่นเดียวกัน 10-15 ครั้งต่อ 1 เซ็ท โดยทำทั้งหมด 4 เซ็ท นอกจากนี้ยังมีอีกหลายท่าออกกำลังกายที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นท่าสควอร์ท (Squat) หรือท่าแพลงก์ (Plank) เป็นต้น
เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ ดังนั้นยังไม่ช้าเกินไปที่เราจะมาป้องกัน และเสริมความแข็งแรงให้แก่กระดูกของเรา ก่อนที่จะสายเกินแก้