กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--ฟร้อนท์เพจ
รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หารือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัล ร่วมงานกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลฯ ในตำแหน่งพนักงานราชการเชี่ยวชาญพิเศษ และพนักงานราชการเชี่ยวชาญเฉพาะ สัญญาจ้างงานตั้งแต่ 3 เดือน ถึงไม่เกิน 4 ปี และทำสัญญาต่อเนื่องเมื่อผ่านการประเมิน เบื้องต้นกำหนดไว้ 100 คน พร้อมทุ่มเงินเดือน 37,000-210,000 บาทต่อเดือน หนุนเลือดใหม่ขับเคลื่อนงานตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อสรรหาบุคคลที่มีประวัติการทำงานดี มีความสามารถ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัล เข้าทำงานในหน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในลักษณะพนักงานสัญญาจ้างงานตั้งแต่ 3 เดือน จนถึงไม่เกิน 4 ปี และจะทำสัญญาต่อเนื่องเมื่อผ่านการประเมิน ในเบื้องต้นกำหนดจำนวนรวมประมาณ 100 คน โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ ในอัตราจ้าง 3 ระดับ คือ ระดับเชี่ยวชาญทั่วไป เงินเดือน 109,200 บาท ระดับเชี่ยวชาญประเทศ (ในประเทศ) เงินเดือน 163,800 บาท และระดับเชี่ยวชาญสากล (ต่างประเทศ) เงินเดือน 218,400 บาท โดยจะต้องมีการประเมินผลงานทุก 1 ปี และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มงานเชี่ยวชาญเฉพาะ เงินเดือน 37,680 บาท ถึง 68,350 บาท โดยการคัดเลือกนั้นจะใช้วิธีสรรหาและเป็นการรับแบบปิด โดยให้ สกอ.ช่วยสรรหาศิษย์เก่า หรือนักศึกษาที่มีประวัติการศึกษาและประสบการณ์ทำงานที่ดีช่วยอีกทางหนึ่ง ส่วนงบประมาณในการจัดจ้างบุคคลนั้น ใช้ของสำนักงบประมาณ ไม่ใช่งบประมาณของกระทรวงดีอี
ดร.พิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า "สำหรับการเฟ้นหาบุคลากรที่จะร่วมงานกันนั้นนอกจากจะมีความสามารถประสบการณ์ด้านวิชาการ ประสบการณ์ด้านดิจิทัลแล้ว จะมีการวัดระดับความฉลาดทางอารมณ์ หรือ อีคิว (EQ) เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงฯ อีกด้วย นอกจากนั้นกระทรวงฯ ยังดำเนินการเสาะหาบุคลากรที่มีความเก่งใน 2 ส่วน คือ คนเก่งเฉพาะทางที่เป็นเลือดใหม่ในการทำงาน และคนเก่งในการจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ หรือ รีเสิร์ชเซ็นเตอร์ ซึ่งหากได้ในสองส่วนนี้แล้ว จะสามารถกำหนดทิศทางการทำงานของกระทรวงฯ ได้อย่างชัดเจน"