กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--สำนักงาน ป.ป.ช.
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลงว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสินบนข้ามชาติ โรลส์รอยซ์ กรณีขายเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน ให้กับบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และขายเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานให้กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) นั้น
วันนี้ (9 มีนาคม 2560) คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วเห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท ซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วงปี พ.ศ. 2547-2548 ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง B777-200ER พร้อมเครื่องยนต์สำหรับติดตั้งกับเครื่องบินดังกล่าวและการจัดซื้อเครื่องยนต์สำรองสำหรับเครื่องบินแอร์บัส A340-500/600 จำนวน 6 ลำ เพิ่มเติม รวม 7 เครื่อง จากบริษัทโรลส์รอยซ์ (คำสั่งซื้อครั้งที่ 3) ซึ่งมีหน้าที่ทำและจัดการเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องบินและเครื่องยนต์ดังกล่าว ร่วมกันใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เพื่อให้บริษัทโรลส์รอยซ์ ได้รับประโยชน์ในการทำสัญญาขายเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินให้แก่บริษัทการบินไทย เห็นว่าเรื่องกล่าวหามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอต่อการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ จึงมีมติรับเรื่องกล่าวหา ในประเด็นดังกล่าวไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ เป็นองค์คณะ ในการไต่สวนข้อเท็จจริง และแต่งตั้งที่ปรึกษาองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งภายในและภายนอกสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำในการไต่สวนข้อเท็จจริง
สำหรับเหตุอันควรสงสัยตามข้อกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์รับสินบนนั้น หากในการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏพยานหลักฐานการเรียก-รับสินบนในกรณีดังกล่าว ก็จะได้ดำเนินการสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน รวมทั้งตัวกลางผู้ให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติมในความผิดดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของคำสั่งซื้อครั้งที่ 1 ซึ่งเกิดเหตุในช่วงปี พ.ศ. 2534-2535 และคำสั่งซื้อครั้งที่ 2 ซึ่งเกิดเหตุในช่วงปี พ.ศ. 2535-2540 นั้น มีมติให้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีมติให้แยกข้อกล่าวหาในส่วนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตเลียม จำกัด (มหาชน) ออกเป็นเลขที่เรื่องกล่าวหาใหม่ เพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป