กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--KTAM
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการวิเคราะห์ และเกาะติดสถานการณ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ในการหาสินทรัพย์ และโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน จึงเห็นว่าการลงทุนในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีแนวโน้มที่น่าสนใจในระยะยาว เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ในระดับที่มากกว่า 6% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยภาพรวมจะทำให้การเติบโตของจีนเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ ในขณะที่รัฐบาลจีนยังคงมีมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับการปฏิรูปประเทศในหลายด้าน ทั้งการปฏิรูประบบการเงินเพื่อให้มีความเป็นสากลและทำให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น เช่น การที่สกุลเงินหยวนของจีนได้เข้าร่วมตะกร้าสกุลเงินสำรองหลักของกองทุนการเงินระหว่างประเทศแล้วอย่างเป็นทางการในปีที่ผ่านมา การผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุนในจีนรวมถึงการปฏิรูปเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆให้เป็นไปในแนวทางการสร้างเศรษฐกิจใหม่ (China's New Economy) ซึ่งจะเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการให้ความสำคัญกับสนับสนุนพลังงานสะอาดเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อม
โดยในปีนี้จีนตั้งเป้า GDP โตประมาณ 6.5 % สูงกว่าสหรัฐที่คาดว่าจะเติบโตในระดับ 2.3 % ยุโรป 1.5 % หรือประเทศไทยที่ 3.5% ตลาดหุ้นจีนยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการคาดการณ์ผลกำไรที่เริ่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะที่ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ และยังมีปัจจัยสำคัญคือการทบทวนการนำหุ้นจีนจากตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้น ซึ่งเป็นตลาดจดทะเบียนหุ้น A-share เข้ารวมในการคำนวณดัชนี MSCI Emerging Markets Index ในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งหากดัชนี A-Share สามารถเข้ารวมในดัชนี MSCI ได้จะทำให้ตลาดมีเงินทุนไหลเข้าเพิ่มมากขึ้น
ในโอกาสนี้ บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-China ) เสนอขายครั้งแรกในวันที่ 20-29 มีนาคม 2560 กองทุนมีนโยบายลงทุนที่ส่งผลให้มี net exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะเน้นในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF China Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม หรือตามอัตราส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
กองทุน BGF China Fund (กองทุนหลัก) มีวัตถุประสงค์ เพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) และจะลงทุนอย่างน้อย70% ของสินทรัพย์รวมของกองทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจีนหรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีนที่จดทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ โดยกองทุนจะเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในรูปเงินสกุลฮ่องกงดอลล่าร์ (HKD) และกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปตามแนวทางเศรษฐกิจใหม่ของจีน ( China 's New Economic ) ซึ่งประกอบด้วยหุ้นในกลุ่มการบริการทางการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ พลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยมีทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์มาก ในการวิเคราะห์ และการลงทุนในหุ้นจีน โดยการเลือกหุ้นแบบ Bottom –Up และเป็นกองทุนระดับ 5 ดาวจาก Morningstar ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยหุ้นที่มีการลงทุนใน 5 อันดับแรกได้แก่ Alibaba Group Holding, Tencent Holding, China Mobile, Bank of China, และ China Construction Bank ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมกราคม 2560
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหลัก ย้อนหลัง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 YTD อยู่ที่ 10.65% 3 เดือน อยู่ที่7.29% 6 เดือนอยู่ที่ 7.62% 1ปี อยู่ที่ 36.37% 3 ปี อยู่ที่ 11.4 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark ) YTD อยู่ที่ 10.57 % 3 เดือน อยู่ที่ 6.04% 6 เดือน อยู่ที่ 5.34 % และ 1 ปี อยู่ที่ 31.13 %
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน กองทุนมีความเสี่ยงด้านปัจจัยตลาด ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร เป็นต้น