กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--กรมทรัพย์สินฯ
กรมทรัพย์สินฯแนะให้องค์กรธุรกิจตรวจสอบซอฟต์แวร์กลุ่มผู้ใช้ซอฟต์แวร์ระดับองค์กรธุรกิจกำลังถูกจับตาและเข้าตรวจเยี่ยม ผลจากการตรวจเยี่ยมพบว่ากลุ่มผู้ใช้ขาดความเข้าใจในกฏหมายลิขสิทธิ์และใบอนุญาตยังมีอีกหลายหน่วยงานที่กำลังถูกจับตามอง
กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ (บีเอสเอ) แจ้งผลการเข้าตรวจเยี่ยมกลุ่มผู้ใช้ระดับองค์กรธุรกิจรอบแรก ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้องค์กรต่างๆ สร้างความมั่นใจว่าในหน่วยงานของตนกำลังใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกกฏหมายหรือกระตือรือร้นที่จะเปลี่ยนการใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาเป็นซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมาย
เมื่อเร็วๆ นี้ ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาฯ ได้เข้าตรวจเยี่ยมบริษัทต่างชาติและบริษัทไทยจำนวน 5 บริษัท ซึ่งประกอบด้วยบริษัทอเมริกัน บริษัทร่วมทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น บริษัทไต้หวันและบริษัทไทยอีก 2 แห่ง โดยเจ้าหน้าที่จากศูนย์ประสานการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญาฯ ทั้งนี้ในระหว่างการเข้าตรวจเยี่ยมในแต่ละบริษัท คุณวีรวิทย์ วีรวรวิทย์ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาฯ ได้เน้นถึงการใช้ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ในหน่วยงานและอธิบายถึงความสำคัญของสิทธิในทางทรัพย์สินทางปัญญา
คุณวีรวิทย์กล่าวว่า "วัตถุประสงค์ของการเข้าตรวจเยี่ยมบริษัทต่าง ๆ ก็เพื่อให้ความรู้กับกลุ่มผู้ใช้ระดับองค์กรเกี่ยวกับความเสี่ยงในการใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเราไม่เชื่อว่าบริษัทต่าง ๆ อยากให้ธุรกิจของตนเสี่ยงกับการใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง และส่วนหนึ่งของการเข้าเยี่ยมนั้นเพื่อเป็นการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารของแต่ละบริษัทเกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาตกับการทำให้การใช้ซอฟต์แวร์เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย"
คุณวีรวิทย์กล่าวเสริมว่า "ผลจากการเข้าตรวจเยี่ยมบริษัทต่าง ๆ พบว่าซอฟต์แวร์ที่ถูกติดตั้งมาจากตัวแทนจำหน่ายนั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์เป็นส่วนใหญ่ องค์กรธุรกิจต่าง ๆ ต้องเข้าใจว่าถ้าเป็นซอฟต์แวร์ถูกกฏหมายซึ่งได้รับการติดตั้งลงในเครื่องคอมพิวเตอร์จากตัวแทนจำหน่ายนั้นจะต้องมีใบอนุญาตให้ใช้ซอฟต์แวร์นั้น ๆ แนบมาด้วย
ผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่งที่ได้รับการเข้าตรวจเยี่ยมยอมรับว่า ซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ในหน่วยงานขณะนี้ไม่ถูกกฎหมายไปทั้งหมด อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้ตระหนักและหาทางแก้ไขอยู่ ทั้งนี้ตามนโยบายด้านไอทีของบริษัท ทางบริษัทจะดำเนินการตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน ทุกหกเดือน นอกจากนั้นยังห้ามพนักงานทุกคนดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากภายนอกไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หรือ เว็บบุลเลตติน บอร์ด(Web Bulletin Board) ทั้งนี้เพื่อพยายามที่จะยุติการนำซอฟต์แวร์ที่ละเมิดสิทธิ์เข้ามาใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัท
บริษัทที่ได้รับการเข้าตรวจเยี่ยมครั้งนี้ประกอบด้วยบริษัทอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจด้านการเช่าซื้อ ซึ่งมีการใช้คอมพิวเตอร์กว่า 1,000 เครื่อง บริษัทร่วมทุนระหว่างนักธุรกิจชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจด้านการขาย นำเข้า และ ส่งออกเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ซึ่งมีคอมพิวเตอร์ใช้งานประมาณ 20 เครื่อง บริษัทผู้ประกอบการชาวไทยที่ดำเนินการผลิตขดลวดที่ใช้ในการไฟฟ้าและโลหะ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์ใช้งานประมาณ 100 เครื่อง และบริษัทให้บริการด้านสินเชื่อและการเงินของชาวไต้หวันซึ่งใช้คอมพิวเตอร์ในธุรกิจกว่า 1,000 เครื่อง
คุณวีรวิทย์สรุปในตอนท้ายว่า "เราค่อนข้างพอใจกับผลการเข้าตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ทุกบริษัทให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและสัญญาว่าจะจัดการตรวจสอบหาข้อมูลการใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทและส่งผลมาให้เราทราบในเวลาต่อไป และเราเชื่อว่าหลาย ๆ บริษัทเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการด้านซอฟต์แวร์และผลเสียของการใช้ซอฟต์แวร์โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากเจ้าของลิขสิทธิ์ นอกจากนั้นยังสนใจเป็นอย่างมากกับตัวอย่างรูปแบบนโยบายการใช้และการจัดการซอฟต์แวร์ ดังนั้นเราจะจัดให้มีการตรวจเยี่ยมขึ้นอีกในเดือนต่อ ๆ ไป
"กิจกรรมต่อไปของกรมทรัพย์สินทางปัญญาฯ คือการติดต่อกับบริษัทต่าง ๆ ที่ไม่ได้ตอบรับไดเร็คเมล์ (Direct Mail) ที่เราได้ส่งไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยไดเร็คเมล์ดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา สมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทย (เอทีซีไอ) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (เอทีเอสไอ) และบีเอสเอ ซึ่งเราจะทำการตรวจสอบและเข้าตรวจเยี่ยมบริษัทดังกล่าวต่อไป อีกทั้งเราจะจัดสัมมนาในเรื่องการใช้ซอฟต์แวร์โดยองค์กรธุรกิจเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ซอฟต์แวร์และใบอนุญาตประเภทต่าง ๆ โดยจะมีผู้บรรยายจากทั้งบีเอสเอและบริษัทสมาชิก ผู้บรรยายจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาฯ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์" คุณวีระวิทย์ปิดท้าย--จบ--
-สส-