กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติในเรื่องการรับฝากเงิน สรุปได้ดังนี้
1. กำหนดความหมายของ ”บัญชีเงินฝาก” ให้หมายถึงการรับฝากเงินทุกประเภท ที่ธนาคารพาณิชย์ได้รับอนุญาตในปัจจุบัน และอาจได้รับอนุญาตในอนาคต และ ”ผู้ฝากเงิน” ให้หมายรวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในการเปิดบัญชีแทน หรือในนามผู้อื่น
2. ในการเปิดบัญชีเงินฝาก ธนาคารพาณิชย์ต้องให้ผู้ฝากเงินแสดงตน ตามรายการคำขอเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์กำหนด อาทิ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อาชีพ สถานที่ทำงาน เป็นต้น สำหรับนิติบุคคลให้แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลประเภทธุรกิจด้วย
3. ธนาคารพาณิชย์ต้องให้ผู้ฝากเงินที่ขอเปิดบัญชีเงินฝากตามข้อ 2 แสดงเอกสารประกอบการขอเปิดบัญชีเงินฝาก อาทิ บัตรประจำตัวประชนชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือบัตรแสดงตนอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของทางราชการ เป็นต้น สำหรับนิติบุคคลต้องแสดงหนังสือบริคณห์สนธิ หนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ทั้งนี้ ต้องเรียกสำเนาเอกสารหลักฐานดังกล่าวจากผู้ฝากเงินพร้อมลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง
4. ธนาคารพาณิชย์ต้องตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานแสดงตนตามข้อ 3 ตามปกติวิสัยที่พึงปฏิบัติ โดยสุจริตและปราศจากความประมาทเลินเล่อ และต้องเก็บรักษาสำเนาเอกสารดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันปิดบัญชีเงินฝาก
5. ธนาคารพาณิชย์จะให้ผู้ฝากเงินเปิดบัญชีเงินฝากโดยปกปิดชื่อจริงมิได้
6. ธนาคารพาณิชย์จะต้องดำเนินการให้ผู้ฝากเงินที่มีบัญชีเงินฝากอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ปฏิบัติตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
7. ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2543
จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน--จบ--
-อน-