กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในสาขาบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก เผยผลการดำเนินงานปี 2559 ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดความงามต่อเนื่องเป็นที่ 5 และยังคงเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด ซึ่งเร็วกว่าการเติบโตของธุรกิจความงามโดยเฉลี่ยถึงสองเท่าด้วยยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในทุกกลุ่มรวม 123 ล้านชิ้น ทั้งยังคงครองความเป็นผู้นำทางด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า (skincare) ไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง
นางนาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "แนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจของลอรีอัลกรุ๊ปคือการส่งมอบ "ความงามสำหรับทุกคน" หรือ "Beauty For All" โดยมุ่งทำให้ความงามมีความเป็นสากลเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความงามที่หลากหลาย ดังนั้น บริษัทฯ จึงมุ่งดำเนินพันธกิจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางคุณภาพที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความสำเร็จของลอรีอัลนั้นมาจากกลยุทธ์อันโดดเด่นในการรังสรรค์โลกแห่งความงามโดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับปัจจัยต่างๆ ได้แก่ การกำหนดวิสัยทัศน์และการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจน ทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมด้วยกลุ่มแบรนด์ระดับโลกที่มีคุณภาพ การลงทุนระยะยาวทางด้านการวิจัยและนวัตกรรม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการดำเนินงาน รวมไปถึงวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เข้ามาช่วยสร้างความสำเร็จให้กับลอรีอัลทั้งสิ้น"
เทียบกับปีที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดความงามในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นกว่า 6.5% มีมูลค่ารวมกว่า1.54 แสนล้านบาท โดยกลุ่มเครื่องสำอางมีอัตราเติบโตมากที่สุดด้วยส่วนแบ่งการตลาด 14% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 7% ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดที่ 46% ทั้งนี้ ตลาดความงามของประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาเซียน โดย ลอรีอัล ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งสาขาที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศนี้เช่นกัน จากรายงานของยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor) ตลาดความงามและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (personal care) ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่สามของโลก ซึ่งตลาดความงามในประเทศกำลังพัฒนาเช่นประเทศไทยนั้น จัดเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ช่วยขับเคลื่อนอัตราการเติบโตให้กับภูมิภาคนี้ทั้งหมด
เพื่อสานต่อความสำเร็จในปี 2560 และเดินหน้าความมุ่งมั่นในการก้าวสู่บริษัทความงามอันดับหนึ่งของประเทศ ลอรีอัล ประเทศไทย มุ่งเน้นเสริมสร้างความเป็นเลิศใน 4 ด้าน คือ 1) การให้ความสำคัญกับผู้บริโภคโดยการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง 2) การเชื่อมต่อตลาดความงามกับโลกดิจิทัล 3) การพัฒนาและดูแลบุคลากร และ 4) การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคม
การให้ความสำคัญกับผู้บริโภคโดยการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง หรือ Consumer Centricity จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่จะยังคงเป็นปัจจัยสำหรับการเสริมสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ โดยจะมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในรูปแบบและแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ลังโคม (Lancôme) ได้เผยโฉมเคาน์เตอร์ใหม่ที่สยามพารากอนในคอนเซ็ปต์ "ปารีเซียงอพาร์ทเม้นท์" ผสมผสานความทันสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิมของฝรั่งเศสด้วยความเป็นตัวตนของแบรนด์ เคาน์เตอร์ใหม่ของลังโคมเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาเพื่อสัมผัสและทดสอบสีสันได้อย่างรื่นรมย์ และยังช่วยสรรค์สร้างนิยามแห่งความเป็นผู้หญิงของตัวเองได้อย่างลงตัว
เพื่อสร้างความผูกพันและเพื่อให้การสื่อสารเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดกับผู้บริโภค ลอรีอัลจึงเดินหน้าสร้างช่องทางและวิธีการสื่อสารกับผู้บริโภคในหลากหลายรูปแบบ อาทิ ผ่านทางแคมเปญโฆษณาบนโทรทัศน์เพื่อตอบโจทย์ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง การจับมือกับพันธมิตรที่มีเนื้อหารายการเฉพาะที่โดดเด่น เช่น The Face Thailand รวมไปถึงการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ที่มากขึ้น
"เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา แบรนด์สินค้าของเราประกอบไปด้วยแบรนด์ลอรีอัล ปารีส (L'Oreal Paris) เมย์เบลลีน นิวยอร์ก (Maybelline New York) ไบโอเธิร์ม (Biotherm) ลังโคม (Lancôme) และ คีลส์ (Kiehl's) ได้เปิดตัวบัญชีไลน์ (LINE Official Account) เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้สนใจความงาม และแบรนด์เมย์เบลลีน นิวยอร์ก ยังได้สร้างช่องยูทูบ (YouTube) เป็นครั้งแรกของแบรนด์เครื่องสำอาง ภายใต้คอนเซ็ปท์ "เมค อัพ มาย เวย์ (Make Up My Way)" ที่มุ่งเน้นการให้ความรู้ในการแต่งหน้าสำหรับปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และสร้างความตื่นเต้นที่ผู้บริโภคสามารถสัมผัสจากเครื่องสำอาง" นางนาตาลีกล่าวถึงการดำเนินงานเพื่อให้การสื่อสารกับลูกค้าเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากนั้นแล้ว ลอรีอัล ประเทศไทย ยังมีแผนดำเนินงานทางด้านดิจิทัลที่เข้มข้นมากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้แต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัลคนแรกเพื่อดูแลและวางแผนกลยุทธ์การดำเนินงานด้านดิจิทัลองค์รวม และนำทัพทีมงานด้านดิจิทัลที่มีจำนวนกว่า 20 คน ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมานั้น การเติบโตด้านอีคอมเมิร์ซของลอรีอัล ประเทศไทยมีอัตราสูงกว่า 169% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ สามารถปรับตัวเพื่อครองความเป็นผู้นำด้านความงามยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาการสื่อสารเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ลอรีอัลเป็นองค์กรที่น่าทำงานที่สุดสำหรับพนักงานทุกคนยังถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ บริษัทฯ จะคงการจัดโครงการอบรมและการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงให้ความสนใจในกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งเป็นกำลังหลักที่ช่วยขับเคลื่อนพลังความคิดและนวัตกรรมให้องค์กร นอกจากนั้นยังเน้นการสนับสนุนการเติบโตในสายงาน ทั้งนี้ มีพนักงานคนไทยได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูง เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการให้การสนับสนุนและมุ่งพัฒนาศักยภาพพนักงานคนไทยให้เติบโตในองค์กร
พันธสัญญาเรื่องความยั่งยืน หรือ "แบ่งปันความงดงามให้ทุกสรรพสิ่ง" (Sharing Beauty with All) จะยังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่ดำเนินคู่กับการเติบโตธุรกิจ ด้วยการสร้างนวัตกรรม การผลิต การใช้ชีวิต และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสรรค์ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายปี 2563 ของ ลอรีอัลกรุ๊ป ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดศูนย์กระจายสินค้าสีเขียวแห่งแรกของลอรีอัลในเอเชีย ที่ออกแบบให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับรองมาตรฐานระดับ Silver จาก LEED® หรือ Leadership in Energy and Environmental Design ผู้นำด้านการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและสิ่งแวดล้อม
อีกหลากหลายโครงการเพื่อสังคมภายใต้พันธสัญญา "แบ่งปันความงดงามให้ทุกสรรพสิ่ง" (Sharing Beauty with All) จะดำเนินงานต่อไปเพื่อสร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับบทบาทของสตรีในด้านวิชาการ และ ในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส อาทิ การมอบทุนนักวิจัย "เพื่อสตรีในงานวิทยาศาสตร์" (For Women in Science) ที่จะฉลองการเสริมสร้างพลังผู้หญิงในวงการวิทยาศาสตร์เป็นปีที่ 15 รวมถึงโครงการ "ฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต"(Beauty for A Better Life) "จัดหาจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม" (Solidarity Sourcing) และ "ก้าวใหม่ ชีวิตใหม่ ให้แม่" (Bringing Hope to Moms) ก็จะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยสร้างโอกาสในการทำงานและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กลุ่มคนผู้ด้อยโอกาสต่อไป
"แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจะยังคงมีความผันผวนและไม่แน่นอน ลอรีอัล ประเทศไทย มั่นใจว่าเราจะยังสามารถคงอัตราการเติบโตสูงกว่าภาพรวมของตลาดความงามได้อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้เราคาดว่าจะสามารถบรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายของบริษัทฯ และเราจะยังคงมุ่งมั่นกับการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ของเราในการทำให้ทุกครัวเรือนมีผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลอย่างน้อย 1 ชิ้น และรวมทั้งผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่บริษัทความงามอันดับหนึ่งของประเทศต่อไป" นางนาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี กล่าวทิ้งท้าย