กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
สปป.ลาว เดินทางมาไทยศึกษาวิธีการการส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรในไทย พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสิทธิภาพด้านการส่งเสริมการรวมกลุ่มแบบสหกรณ์ ปูทางประสานความร่วมมือการจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรเมืองหงสา เนื่องจากเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด ในการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวในการต้อนรับและตอบข้อซักถามแก่คณะผู้บริหารกรมส่งเสริมกสิกรรมและสหกรณ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ว่า การเข้ามาเยี่ยมชมของ สปป.ลาว ในครั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรใน สปป.ลาว รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ภาคการเกษตร โดยเรียนรู้จากประสบการณ์ของไทย พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางด้านส่งเสริมสหกรณ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันตลอดมาในการสร้างความร่วมมือร่วมกัน เพื่อส่งเสริมสหกรณ์ภาคการเกษตร โดยเฉพาะทางจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดหนองคาย
สิ่งที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะเข้าไปช่วยเหลือคือ เรื่องการรวมกลุ่มและเรื่องการตลาด ซึ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมและการจัดตั้งสหกรณ์ อีกทั้งสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือ การวางระบบการบริหาร การวางระบบโครงสร้างขององค์กร การวางระบบเชื่อมโยงไปยังสมาชิกและการวางระบบการตรวจสอบของสหกรณ์ ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกสิกรรม พร้อมด้วยป่าไม้ สปป.ลาว ที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) สาขาความร่วมมือด้านการพัฒนาสถาบันเกษตรกร ภายใต้MOU ซึ่งมีคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร (Joint Agriculture Working Group : JAWG) เพื่อเป็นกลไกในการดำเนินงาน โดยมีผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมอยู่ในคณะทำงานด้วย เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ภาคการเกษตรของ สปป.ลาว
รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า สหกรณ์ของไทยจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลสมาชิกสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง แม้ว่าจะพัฒนามายาวนานเป็น 100 ปีแล้วก็ตาม แต่หัวใจสำคัญของการสหกรณ์คือ การย้อนกลับมาดูแลสมาชิก ให้มีความมั่นคงและสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับสมาชิก เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับสมาชิกได้ จึงอยากให้ทาง สปป.ลาว ยึดหลักของการสหกรณ์ที่มีความชัดเจน และให้สหกรณ์มีความหนักแน่น เพื่อให้การสหกรณ์สามารถพัฒนาได้เป็นระยะๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากนั้นประมาณปีหน้าจึงเริ่มจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรในเมืองหงสา
ทั้งนี้ ทางคณะผู้บริหารกรมส่งเสริมกสิกรรมและสหกรณ์ สปป.ลาว และผู้แทนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ร่วมกันหารือเพื่อหาแนวทางการจัดทำแผนความร่วมมือด้านการพัฒนา ภายใต้กรอบบันทึกข้อตกลง (MOU) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ทางคณะฯ มีความประสงค์ขอความร่วมมือในการจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรในเมืองหงสา แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว และศึกษาวิธีการส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตร โดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ รวมทั้งจัดทำแผนความร่วมมือเพื่อเป็นแบบปฏิบัติงานปีต่อปี 2.ที่ประชุมได้มีการพิจารณาร่าง Operation Plan เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานความร่วมมือ ซึ่งทั้ง 2 คณะได้พิจารณาร่างและเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ เมื่อผ่านความเห็นชอบในหลักการให้แต่งตั้งคณะทำงานย่อย สำหรับเป็นกลไกในการดำเนินโครงการต่อไป
ผู้แทนจากกรมส่งเสริมกสิกรรมและสหกรณ์ สปป.ลาว กล่าวว่า การเดินทางเข้ามาในครั้งนี้เพื่อศึกษาวิธีการส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรของประเทศไทย พร้อมกับต้องการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ภาคการเกษตร ขณะเดียวกันหน่วยงานภาครัฐของ สปป. ลาวและประชาชนในประเทศยังขาดประสบการณ์ ด้านการส่งเสริมการรวมกลุ่มแบบสหกรณ์
ทั้งนี้ จึงขอประสานความร่วมมือในการสนับสนุนการจัดตั้งสหกรณ์ภาคการเกษตรในเมืองหงสา แขวงไชยะบุรี กับทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ของไทย สืบเนื่องมาจากในการสร้างโรงไฟฟ้าเมืองหงสานั้น สร้างผลกระทบต่อประชาชน ทั้งทางด้านที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพ จึงเป็นส่วนสำคัญที่กรมส่งเสริมกสิกรรมและสหกรณ์ จะเข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถรวมกลุ่มเพื่อทำเกษตรกรรม อีกทั้งเห็นว่าน่าจะเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่สุด ในการให้เกษตรกรประกอบอาชีพเกษตรกรรมแบบครบวงจรและเป็นไปตามห่วงโซ่การผลิต เพื่อช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกร