กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--เอ็ม บี เค
เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ร่วมกับนิตยสาร CHEEZE จัดกิจกรรม "TYPE THAI FESTIVAL" เทศกาลที่รวมเอกลักษณ์ความเป็นไทย ทั้งงานศิลปะ แฟชั่น อาหาร ร้านค้า และการแสดงดนตรี เมื่อเร็วๆ นี้ โดยในปี 2560 เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มีกลยุทธ์การทำกิจกรรมการตลาดที่ชัดเจน โดยนำคอนเทนต์ไทยเข้ามาผสานในทุกๆ กิจกรรม เพื่อสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยของเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ให้เป็นที่จดจำให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยการนำเสนอในรูปแบบร่วมสมัยเพื่อให้เข้าถึงและใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่มากขึ้น
กิจกรรม "TYPE THAI FESTIVAL" ในครั้งนี้ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ดึงโทนสีไทย (Thai Tone) เข้ามานำเสนอในรูปแบบ ไทยโทนเมซ (Thai Tone Maze) เขาวงกตจำลองสำหรับเป็นจุดถ่ายภาพและกระจายสีสันของไทยซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ช่างศิลป์โบราณได้สร้างสรรค์ขึ้นให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยไทยโทนเป็นผลงานวิจัยของอาจารย์ไพโรจน์ พิทยเมธี อาจารย์คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จาก 10 ปี ของการวิจัย ปัจจุบันได้ไทยโทนทั้งหมด 168 เฉดสี และนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย
นางสาวศิรฐา สุขสว่าง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวเปรียบเทียบว่า "เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เหมือนกับสีสันของไทยโทน ที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยแม้วันเวลาจะเปลี่ยนผ่าน เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สามารถปรับตัวให้ทันกับโลกแต่ตัวตนและความเป็นไทยยังอยู่ เป็นไทยที่มีสีสัน ความหลากหลายปนเปแต่ก็มีเสน่ห์ ซึ่งนำเสนอผ่านโลโก้ใหม่ โดยเกิดจากการผสมผสานชีวิตและไลฟ์สไตล์อันทันสมัย แต่ยังคงเสน่ห์แบบไทยๆ ที่มีสีดำแทนความลึกลับ มีรสนิยมและทันสมัย เข้ามาใช้ร่วมกับสีสัน อาทิ สีเหลือง ที่มีความเป็นมิตรมีชีวิตชีวา สีชมพูสื่อถึงความสนุกสนานและแฟชั่น และสีน้ำเงินม่วงบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ มาตรฐานและจินตนาการ"
"เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ นับเป็นศูนย์การค้าที่เป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เราตั้งใจเป็นศูนย์การค้าที่รวบรวมความเป็นไทยที่ทั้งคนต่างชาติก็ชื่นชอบและคนไทยก็ชื่นชม พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยสินค้าในสไตล์สตรีทที่หลากหลายเข้าถึงได้ง่าย มีเสน่ห์ พร้อมสร้างความแปลกใจให้เสมอ เรากำลังสื่อสิ่งเหล่านี้ผ่านการรีแบรนดิ้งและอีเว้นท์ต่างๆ และแน่นอนว่าต้องผสานความเป็นไทยที่หลายๆ คนอาจยังไม่รู้จักรวมไว้กับแนวคิดร่วมสมัยนี้" นางสาวศิรฐา กล่าวเพิ่มเติม
ขณะที่อาจารย์ไพโรจน์ กล่าวถึงความหมายของความเป็นไทยว่า "ความโดดเด่นของความเป็นไทยคือชาติที่สามารถผสมผสานอิทธิพลจากชาติต่างๆ และนำมาหลอมรวมกับความเป็นไทยได้อย่างกลมกลืน ไทยโทน คือความภาคภูมิใจ เพราะไม่ใช่ทุกประเทศจะมีประวัติศาสตร์การใช้สีที่แข็งแรง ผ่านหลักฐานจากบันทึกของครูช่างและงานจิตรกรรมโบราณ ช่างศิลป์ปรุงสีขึ้นจากวัสดุรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นแร่ธาตุ เปลือกไม้ ดอกไม้ และวัสดุอีกมากมาย ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดใจ นอกจากความสวยของสีสันแล้ว ชื่อเรียกของแต่ละสี นอกจากจะบอกที่มาของวัสดุแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความเก๋าในหลายๆ ด้านของช่างศิลป์ไทยที่เกิดจากการเรียนรู้ สังเกตุและบ่มเพาะจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งด้านศาสตร์ของศิลปะ ภาษา ผสานด้วยความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น นวลจันทร์ เป็นสีขาวอมเหลืองหม่นเปรียบเทียบกับผิวของนางสีดาในเรื่องรามเกียรติ์ มหาดไทย ชื่อเรียกของสีเขียวแก่ซึ่งเปรียบเทียบกับสีเครื่องแบบของขุนนางมหาดไท หงสบาท สีแดงออกชมพูแทนสีเพทาย อัญมณีนพเก้าอันเป็นสีกายของพระเพลิง เทพเจ้าแห่งไฟ หรือดินแดงตัด ทำขึ้นมาจากดินแดงผสมเขม่าดำ นิยมใช้สำหรับตัดเส้น"
สีสันแห่งไทยโทนจัดแสดงให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เห็น เพื่อจะบอกต่อและกระจายไทยโทนไปในวงกว้าง หากใครพลาดกิจกรรม "TYPE THAI FESTIVAL" ไป สามารถชมบันทึกไทยโทนของผู้ร่วมงานได้จาก #ThaiTone ทางอินสตาแกรม เพื่อชมสีสันไทยๆ ที่พรีเซ้นท์แบบร่วมสมัยย้อนหลังได้ ส่วนใครที่คนใจก็สามารถเข้าเฟซบุ๊ก Thaitone ดูผลงานการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากไทยโทนเพิ่มเติมได้อย่างเต็มอิ่มและสามารถติดตามกิจกรรมการตลาดจากทางเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ได้ที่ www.mbk-center.co.th หรือ Facebook/MBKBangkok