กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว รวม 3 อำเภอ 13 ตำบล 85 หมู่บ้าน ซึ่ง ปภ.ได้จัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน พร้อมประสานจังหวัดสำรวจปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่จัดทำบัญชีแหล่งน้ำ และพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งให้เป็นปัจจุบัน พร้อมกำหนดจุดแจกจ่ายน้ำที่เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ รวมถึงวางแผนบริหารจัดการน้ำและจัดสรรน้ำอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนเกษตรกรให้วางเพาะปลูกพืชอายุสั้นและใช้น้ำน้อย เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำ พบว่า เขื่อนหลักทั่วประเทศมีปริมาณน้ำมากกว่าปี พ.ศ.2559 ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บางแห่งมีปริมาณน้ำจำกัดจึงจำเป็นต้องจัดสรรน้ำไว้อุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเป็นหลัก ทำให้หลายพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำในภาคการเกษตร โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว รวม 3 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง และอำเภอวัฒนานคร 13 ตำบล 85 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยระดมเครื่องสูบน้ำ จำนวน 11 เครื่อง สนับสนุนการสูบน้ำเข้าสู่ระบบประปาหมู่บ้านและถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน พร้อมจัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคไปแล้ว 1,068,000 ลิตร อย่างไรก็ตาม ปภ. ได้ประสานจังหวัดเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาภัยแล้งไว้ล่วงหน้าครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการจัดชุดปฏิบัติการสำรวจข้อมูลสถานการณ์น้ำ ข้อมูลแหล่งน้ำและประมาณการใช้น้ำในพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ โดยแยกเป็นน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร พร้อมประเมินความต้องการใช้น้ำ จำนวนครัวเรือนที่อาจได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ เพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหากรณีน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้งาน รวมถึงสำรวจและจัดทำบัญชีแหล่งน้ำ ควบคู่กับการปรับปรุงบัญชีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งให้เป็นปัจจุบัน โดยแยกเป็น อำเภอ ตำบล หมู่บ้านให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด รวมถึงตรวจสอบภาชนะกักเก็บน้ำให้ใช้การได้เพียงพอ อีกทั้งกำหนดจุดแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคที่เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม อีกทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำ แผนการจัดสรรน้ำ และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้ประชาชนทราบ ตลอดจนรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนเกษตรกรให้ปรับวิถีทำการเกษตรให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย และมีตลาดรองรับผลผลิต นอกจากนี้ ให้วางแผนการจัดสรรน้ำอย่างทั่วถึง โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ด้วยการจัดรถบรรทุกน้ำและระดมรถสูบน้ำระยะไกลสูบน้ำดิบจากแหล่งน้ำต่างๆ ไปเติมยังถังน้ำกลางประจำหมู่บ้านและแหล่งน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา ใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยขุดลอกและปรับปรุงแหล่งน้ำตามมาตรการ "1 ตำบล 1 แหล่งกักเก็บน้ำ" ขุดเจาะและเป่าล้างบ่อบาดาล พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำส่งน้ำไปยังพื้นที่ขาดแคลน รวมถึงประสานจัดทำฝนหลวงในช่วงที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป