กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--เอสซีจี
บริษัทวีนา เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ("VSCG") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เอสซีจีถือหุ้นทั้งหมดได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ QPI Vietnam Limited ("QPIV") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Qatar Petroleum International เพื่อซื้อส่วนทุนทั้งหมดร้อยละ 25 ของQPIV ที่มีอยู่ใน Long Son Petrochemicals Company Limited ("LSP") มูลค่า 36.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการลงทุน ทั้งทางตรงและทางอ้อมของเอสซีจีใน LSP เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 71 (จากเดิมร้อยละ 46) โดยฝ่ายผู้ร่วมทุนเวียดนามมีสัดส่วนร้อยละ 29
LSP เป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของประเทศเวียดนาม มีความสามารถในการแข่งขันในเชิงธุรกิจเนื่องจากเป็นโครงการที่มีการเชื่อมโยงจากโรงงานปิโตรเคมีขั้นต้นถึงขั้นปลายครบวงจร มีความประหยัดจากขนาด (Economies of scale) และสามารถปรับเปลี่ยนการใช้วัตถุดิบเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจ เช่น ท่าเรือน้ำลึก และสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าประมาณร้อยละ 30 ของเงินลงทุนทั้งหมด
จุดเด่นของโครงการนี้คือการมีโรงงานผลิตเอททีลีนขนาดกำลังการผลิต 1 ล้านตันต่อปี ที่มีความยืดหยุ่น สามารถเลือกใช้ก๊าซร่วมกับแนฟทาเป็นวัตถุดิบในสัดส่วนต่างๆ เพื่อการผลิตโอเลฟินส์รวมกันได้สูงถึง 1.6 ล้านตันต่อปี โดยสามารถใช้ก๊าซเพื่อบริหารต้นทุนได้สูงสุดถึงร้อยละ 80 ของวัตถุดิบทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีโรงงานปิโตรเคมีขั้นปลายซึ่งผลิตโพลิโอเลฟินส์ (PE/PP) ที่มีกำลังการผลิตในปริมาณใกล้เคียงกันอีกด้วย
แหล่งเงินทุนของโครงการนี้จะมีทั้งส่วนของผู้ถือหุ้นและเงินกู้ คาดว่าโครงการจะมีข้อสรุปเรื่องการลงทุน (Final Investment Decision) ภายในครึ่งปีแรกของปี 2560 หลังจากนั้นจึงจะสรุปรายละเอียดของค่าใช้จ่ายในการลงทุน คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 5 ปี และจะเริ่มผลิตได้ในปี 2564
LSP ตั้งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ซึ่งเป็นตลาดหลัก และเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามเพียง 100 กิโลเมตร โดยในปี 2558 ประเทศเวียดนามนำเข้าโพลิโอเลฟินส์ มากกว่า 2 ล้านตัน และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนตามวิสัยทัศน์ของเอสซีจีในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน