กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--Carl Byoir Sawarot Thawinwongrak
ไฮไลท์ของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ
· บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition
· บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ใหม่ พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด
· บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence
· บีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sport โฉมใหม่
· บีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxury โฉมใหม่
· บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ
· บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury โฉมใหม่
· มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่
· มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ คลับแมน ใหม่
ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมระดับพรีเมียม พร้อมฉลองการคว้ารางวัล "Car & Bike of the Year 2017" ยอดเยี่ยมแห่งปี สูงสุดถึง 15 รางวัล สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยการยกทัพรถยนต์รุ่นล่าสุดพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มุ่งหน้าสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2560 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellenceพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence บีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sport โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxury โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ คลับแมน ใหม่
มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า "งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด 'พุ่งทะยานสู่โลกแห่งเทคโนโลยียานยนต์' โดยมุ่งผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์เดินหน้าสู่มิติใหม่ด้วยนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีระดับพรีเมียมที่จะเชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง ในปีนี้ แนวคิดรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้กลายเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะผสานเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M Performance ซึ่งก็คือ บีเอ็มดับเบิลยูM760Li xDrive Model V12 Excellence นอกจากนี้ เรายังพร้อมนำเสนอบีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด รุ่นที่ 4 รวมถึงรถยนต์รุ่นหลักอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 พร้อมด้วยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3
แกรนทัวริสโม โฉมใหม่และรถยนต์ในตระกูล M Performance อีกหลากหลายรุ่นนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยู"
"นอกจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำแล้ว เรายังพร้อมที่จะนำเสนอทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยู (BMW Product Genius) เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าด้วยประสบการณ์และความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ โดยทีมดังกล่าวจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดของเราให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบ หรือการส่งมอบรถยนต์ และยังสามารถให้บริการตอบคำถามต่างๆ และให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ในข้อซักถามต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงการให้ข้อมูลล่าสุดทางด้านบริการอีกด้วย นอกจากนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยูยังเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี
เป็นอย่างดี จึงพร้อมไปด้วยเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย เช่น แอพพลิเคชันบน iPad เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะแต่งกายในเครื่องแบบของ BMW Product Genius และพร้อมมอบประสบการณ์และความประทับใจให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน"
ในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำยนตรกรรมและเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ด้วยการรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Car of the Year) สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สูงสุดถึง 15 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Active Tourer M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู i8 บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 740Li บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 420i Gran Coupe Sport บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิล มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ มินิ คูเปอร์ เอสดี 5ประตู Seven Edition บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR และ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ทั้งนี้ ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อันเป็นผลมาจากนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition ราคา 11,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition เป็นรถยนต์สปอร์ต 4 ที่นั่ง (2+2) รุ่นพิเศษที่ผลิตในช่วงเวลาที่จำกัด โดดเด่นด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่ทำจากวัสดุ CFRP (carbon-fibre-reinforced plastic) และระบบส่งกำลังไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู eDrive มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูดุดันด้วยตัวถังสีเงิน Dark Silver พร้อมเสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ W-spoke 470 สีเทา Orbit Grey metallic ขนาดต่างกันในล้อหน้าและล้อหลังส่วนดีไซน์ภายในสวยงามไม่แพ้กันด้วยวัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงและเซรามิก ให้ความรู้สึกสมกับเป็น รถสปอร์ตอย่างแท้จริง
ระบบส่งกำลังแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ของบีเอ็มดับเบิลยู i8 ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู TwinPower Turbo ที่ส่งกำลัง 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า พร้อมแรงบิด 320 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลัง 96 กิโลวัตต์ / 131 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ระบบส่งกำลัง บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ยังใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังไฟสูงและระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ เพื่อส่งกำลังรวม 266 กิโลวัตต์ / 362 แรงม้าได้อย่างเต็มสมรรถนะและประหยัดพลังงานสูงสุด
เมื่อใช้โหมดการขับขี่โดยใช้ไฟฟ้าโดยไม่มีการปล่อยไอเสียเลย บีเอ็มดับเบิลยู i8 สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 120กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางถึง 37 กิโลเมตร และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป หรืออุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู i8 ผสานพลังเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใคร พร้อมตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทาง สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.4 วินาทีเมื่อขับขี่ในโหมดสปอร์ต ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อยไอเสียที่เหนือชั้นกว่ารถสปอร์ตทุกรุ่นในตลาด ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ที่47.6 กิโลเมตรต่อลิตรและอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 49 กรัมต่อกิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู i8 เป็นรถที่โดดเด่นเหนือใครด้านประสิทธิภาพ ความประหยัดและสมรรถนะบนท้องถนน และได้รับรางวัลในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นรางวัล International Engine of the Year สำหรับเครื่องยนต์ TwinPower Turbo 3 สูบ และระบบส่งกำลังไฮบริด ทั้งยังได้รับการโหวตให้คว้ารางวัลยอดเยี่ยม World Green Car of the Year และ Green Luxury Car พร้อมด้วยรางวัล Paul Pietsch Award จาก "auto motor und sport" นิตยสารยานยนต์ของประเทศเยอรมนีในฐานะรถยนต์ที่มีนวัตกรรมยานยนต์โดดเด่นที่สุด
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ราคา 6,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดดเด่นด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี BMW eDrive ในบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล i นำมาสู่บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมโครงสร้าง Carbon Core และแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง ผสานด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ BMW TwinPower Turbo ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้สุนทรียะแห่งการขับขี่เหนือระดับ และความหรูหราสะดวกสบาย
ในการขับขี่ระยะไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ใหม่ ยังสามารถนำเทคโนโลยี Efficient Dynamics มารวมเข้ากับยนตรกรรมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดารถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยกัน
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ให้กำลังสูงสุดที่ 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPowerนับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุด ระบบการขับขี่ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้า พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาที โดยเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 240 กิโลวัตต์/326 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ายังรับหน้าที่ส่งพลังด้วยการสำรองพลังงานขณะแตะเบรก หรือด้วยการเพิ่มค่าภาระเครื่องยนต์ตามระบบไฮบริดที่เลือกใช้ จากนั้นจึงดึงพลังเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง และเมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence จะสามารถขับในระยะทางสูงสุดได้ถึง 41 กิโลเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีดSteptronic อย่างสมบูรณ์ เพื่อตอกย้ำประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่สร้างความปราดเปรียวขณะขับขี่ และการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก
ด้วยการจ่ายพลังงานระหว่างล้อหน้าและล้อหลังที่สมบูรณ์แบบ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence สามารถเร่งเครื่องได้อย่างทรงพลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 45.5 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตร ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ระหว่าง 13.9 - 13.2 กิโลวัตต์ ต่อ 100 กิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ราคา 12,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence เปิดตัวขุมพลังใหม่ล่าสุด M Performance TwinPower Turbo พร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบ เครื่องยนต์ V12 ภายใต้ตราประทับ M Performance มีปริมาตรกระบอกสูบขนาด 6.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 448 กิโลวัตต์ / 610 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่1,550 ถึง 5,000 รอบต่อนาที (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ 8.2 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 รวมที่ 291 กรัมต่อกิโลเมตร)