กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--แสนสิริ
แสนสิริเผยแผนพัฒนาโครงการแนวราบปี 2560 เปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 19,300 ล้านบาท ชูไฮไลท์เตรียมนำแบรนด์บ้านเดี่ยวเซกเมนต์ระดับบนสุด "บ้านแสนสิริ" กลับมาพัฒนาอีกครั้ง พร้อมตอกย้ำแบรนด์บ้านเดี่ยว ภายใต้ Brand Identity อย่างชัดเจนมากขึ้น สานต่อความสำเร็จแบรนด์ "บุราสิริ" จ่อคิวเปิดตัว 3 โครงการในปีนี้ ลุยกลยุทธ์นวัตกรรมใหม่เพื่อการอยู่อาศัยตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิตัลอย่างเต็มตัว รวมทั้งยกระดับความปลอดภัยอีกขั้น สู่ Security และ Service อย่างครบวงจร ตั้งหน่วยงานมาตรฐานรักษาความปลอดภัย Sansiri Security Inspection (SSI) เพิ่มความมั่นใจให้ลูกบ้านอย่างสูงสุด ตั้งเป้ายอดขายโครงการแนวราบ 15,000 ล้านบาท
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ โครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 19,300 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 9 โครงการ โครงการทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ และโครงการอาคารพาณิชย์ 1 โครงการ โดยระดับราคาที่เปิดตัวมากที่สุดคือ ระดับราคา 8-20 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายโครงการแนวราบ 15,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากปีก่อนที่มียอดขายโครงการแนวราบประมาณ 11,000 ล้านบาท
สำหรับแนวทางการพัฒนาโครงการแนวราบในปีนี้ บริษัทจะดำเนินการตามแผน ได้แก่ 1. การเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน เซกเมนต์ราคาสูงที่สุดของแสนสิริ ภายใต้แบรนด์ "บ้านแสนสิริ" ที่จะนำกลับมาพัฒนาอีกครั้ง หลังประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการ "บ้านแสนสิริ สุขุมวิท 67" ในปี 2549 โดยเตรียมเปิดตัวในไตรมาส 4
2. การตอกย้ำแบรนด์บ้านเดี่ยว ภายใต้ Brand Identity ของแต่ละแบรนด์ที่ชัดเจน เพื่อสื่อสารตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์บ้านเดี่ยวของแสนสิริให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในอันที่จะสร้างความเข้าใจในความโดดเด่นของแบรนด์บ้านเดี่ยวแสนสิริทั้ง 5 แบรนด์ คือ "นาราสิริ-เศรษฐสิริ-บุราสิริ-สราญสิริ-คณาสิริ" โดยบ้านแต่ละแบรนด์สร้างความรู้สึกที่แตกต่างได้อย่างมีเอกลักษณ์และไม่สามารถหาได้จากที่อื่น ทั้งความรู้สึก "Luxury in Details งดงามในรายละเอียด" ของแบรนด์นาราสิริ "Portrait of Success ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ" ของแบรนด์เศรษฐสิริ "Find Your Peace of Mind บ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง" ของแบรนด์บุราสิริ "Built for Love ความสุขเริ่มต้นจากความรัก" ของแบรนด์สราญสิริ และ "Plenty of Happiness ความสุขคณานับ" ของแบรนด์คณาสิริ
3. การต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ "บุราสิริ" โดยในปี 2559 บริษัทได้เปิดตัวแบรนด์บุราสิริ 2 โครงการ และได้รับการตอบรับที่ดีมาก "บุราสิริ ราชพฤกษ์-345" มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ปิดการขายเฟสแรกทั้ง 48 ยูนิตไปแล้ว และกำลังเปิดขายเฟสที่สอง ขณะที่ "บุราสิริ รังสิต" มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท ขายไปได้แล้วถึง 60% ของการเปิดขายเฟสแรก จำนวน 120 ยูนิต ซึ่งในปีนี้เตรียมเปิดตัวแบรนด์บุราสิริถึง 3 โครงการ
4. การรุกกลยุทธ์พัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อการอยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิตัลอย่างเต็มตัว โดยในปีนี้ได้นำพลังงานแสงอาทิตย์มาพัฒนาใช้ในส่วนต่างๆ ของโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น เริ่มด้วยติดตั้ง "ไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์" (Solar Lights) ในสวนส่วนกลางของโครงการ เพื่อความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางในโครงการ ซึ่งนำร่องใช้ 4 โครงการ ได้แก่ คณาสิริ รังสิต คลอง 2, เศรษฐสิริ วงแหวน – ลำลูกกา, เศรษฐสิริ ปิ่นเกล้า – กาญจนาภิเษก และเศรษฐสิริ พัฒนาการ และวางแผนติดตั้งทุกโครงการครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งยังเตรียมพัฒนา "บ้านระบายความร้อน" เพื่อลดอุณหภูมิในบ้าน โดยจะเริ่มนำมาใช้ในโครงการในไตรมาส 3 นี้ และ Home Service โมบายแอพพลิเคชั่นสำหรับลูกบ้านแสนสิริ บริการดิจิทัลที่อำนวยความสะดวกในทุกมิติของการใช้ชีวิตประจำวันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งปัจจุบัน Home Service ได้นำมาใช้ในโครงการแนวราบแล้ว 75 โครงการ
และ 5. การยกระดับความปลอดภัยอีกขั้น สู่ "Security + Service" ครบวงจร ด้วยการเปิดตัว Sansiri Security Inspection (SSI) โดยเป็นหน่วยงานทีมครูฝีกพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือรปภ. ที่ได้รับการฝึกฝนในด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยมาเป็นอย่างดี มีความเข้มแข็ง น่าเชื่อถือ ที่จะมาฝึกอบรมรปภ.ในทุกโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริให้รักษาความปลอดภัยในโครงการอย่างรอบด้าน รวมถึงปรับปรุงเครื่องแบบรปภ.ให้สง่า แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ ซึ่งเครื่องแบบจะแตกต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์ของแสนสิริเพื่อให้เข้าและเหมาะสมกับแบรนด์อีกด้วย
"บริษัทตั้งเป้ายอดขายโครงการแนวราบในปี 2560 ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ยอดขายตามเป้า เนื่องจากประสบความสำเร็จตั้งแต่โครงการแรกที่เปิดขาย โดยเป็นอาคารพาณิชย์ดีไซน์โมเดิร์น สไตล์ นิวยอร์ค ลอฟต์ใหม่ ใจกลางสายไหม ชื่อ "สิริ อเวนิว สายไหม" จำนวน 16 ยูนิต มูลค่าโครงการ 100 ล้านบาท ปิดการขายทันทีตั้งแต่ 2 ชั่วโมงแรกในวันเปิดขายอย่างเป็นทางการ รวมถึงโครงการทาวน์เฮาส์ การ์เด้นท์ สแควร์ สุขุมวิท 77 ที่ได้เปิดบ้านตัวอย่างใหม่ ดีไซน์พิเศษพร้อมให้สัมผัสกลิ่นอายแห่งลอนดอน ราคาเริ่มต้น 13.59 ล้านบาท ก็ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขายไปแล้วกว่า 70% ซึ่งในไตรมาส 2 นี้ บริษัทเตรียมเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่ บุราสิริ วัชรพล และ คณาสิริ ปิ่นเกล้า-กาญจนา
สำหรับแนวโน้มของตลาดบ้านเดี่ยวในปีนี้ จากปัจจัยบวกที่รัฐบาลมีความชัดเจนในการลงทุนโครงการเมกะโปรเจค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟฟ้า ที่เริ่มเป็นรูปธรรมและมีความคืบหน้าในการก่อสร้างมากขึ้น เช่น สายสีเขียว (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) รวมไปถึงสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) สายสีชมพู (แคราย – มีนบุรี) และสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกำลังซื้อมีทิศทางที่ดี รวมไปถึงผู้ประกอบการเริ่มทยอยที่จะเปิดโครงการใหม่ออกสู่ตลาดและให้ความสำคัญกับการตลาดอย่างเข้มข้น ทำให้คาดการณ์ว่าตลาดบ้านเดี่ยวจะมีแนวโน้มทิศทางที่ดี โดยบ้านเดี่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวในปีนี้น่าจะอยู่ในระดับราคา 5 – 9.99 ล้านบาท สอดคล้องกับระดับราคาที่แสนสิริจะเปิดตัวมากที่สุดในปีนี้ เพื่อรองรับกับความต้องการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า" นายเมธา กล่าว