กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ของการลงพื้น จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ ที่ในครั้งนี้ เพื่อมาเตรียมการก่อนที่เกษตรกรจะเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกครั้งใหม่ในเดือน พ.ค. - มิ.ย. นี้ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นฝ่ายเลขาฯ และกระทรวงเกษตรฯ รับผิดชอบด้านของการผลิต จึงเข้ามาดูกระบวนการผลิตทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดขึ้น ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีวิธีการดำเนินงาน โดยประสานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงาน เพื่อให้ได้ผลผลิตตามที่คาดการเอาไว้
"กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งส่งเสริมการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ และชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในการดำเนินการดังกล่าว โดยที่เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกันและผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต ซึ่งทางรัฐบาลจะมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาให้ความรู้และความช่วยเหลือทั้งในเรื่องปัจจัยการผลิตที่จำเป็น รวมทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ และหากมีปัญหาอุปสรรคก็จะช่วยเข้าไปแก้ไข" นางสาวชุติมา กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการทำแปลงใหญ่มาก และอยากให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เพราะเห็นความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ทางกระทรวงเกษตรฯ จึงได้มีการปรับเกณฑ์การทำเกษตรแปลงใหญ่ นอกจากแปลงขนาด L แล้ว ยังมีขนาด S และ M โดยขนาด S คือ ให้เกษตรกรรวมกลุ่มกัน 30 คนขึ้นไปและมีพื้นที่ 300 ไร่ขึ้นไป เป็นต้น มุ่งขับเคลื่อนพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่อย่างต่อเนื่องตามความต้องการของพื้นที่และเกษตรกร โดยแต่ละกลุ่มจะต้องมีผู้จัดการแปลง และผู้ดูแลในแต่ละเรื่อง อาทิ ด้านเมล็ดพันธุ์ ด้านศัตรูพืชโรคพืช ด้านเครื่องจักรกลการเกษตร และปุ๋ย โดยทั้ง 2 จังหวัดมีเกษตรมายื่นทำแปลงใหญ่เกินความคาดหมาย จึงได้มาดูว่าแต่ละกลุ่มมีความเข้มแข็งหรือมีศักยภาพหรือไม่ ตรงตามเป้าหมาย และมีแผนปฏิบัติงานอย่างไร