กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว และเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการทำนาแปลงใหญ่ ปี 2560 ของกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกรว่ามีอะไรติดขัด หรือต้องปรับปรุงแก้ไข รวมทั้งเกษตรกรต้องการให้ส่วนราชการช่วยเหลืออะไร เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าร่วมโครงการ
โดยได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรและแผนปฏิบัติงานเกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกลุ่มต่าง ๆ ได้แก่ 1) กลุ่มส่งเสริมการปลุกข้าวหอมมะลิ ต.บ้านด่าน มีพื้นที่ 1,007 ไร่ มีสมาชิก จำนวน 100 ราย 2) กลุ่มผลิตข้าวดินภูเขาไฟ ต.ห้วยราช มีพื้นที่ 1,141 ไร่ มีสมาชิก จำนวน 105 ราย 3) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิอินทรีย์บ้านตะครอง ต.หนองเต็ง อ.กระสัง มีพื้นที่ 307 ไร่ มีสมาชิก จำนวน 30 ราย และ 4) กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์ ต.สะแกโพรง อ.เมือง มีพื้นที่1,901 ไร่ มีสมาชิก จำนวน 100 ราย
สำหรับ จ.บุรีรัมย์ได้ส่งเสริมโครงการทำนาแปลงใหญ่ ปี 2560 จำนวน 108 แปลง พันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 ซึ่งหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการทำนาแปลงใหญ่ เกษตรกรต้องรวมกันได้ 30 ราย มีพื้นที่การทำนารวมกันไม่น้อยกว่า300 ไร่ สมาชิกต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร และต้องมีเอกสารสิทธิ์ของตัวเอง ทั้งอยู่ในเขตพื้นที่เหมาะสมกับการปลูกข้าว และควรคัดเลือกพื้นที่มีแหล่งน้ำชลประทาน อีกทั้งการดำเนินงานต้องบรรลุเป้าหมาย 5 ด้าน คือ ต้องลดต้นทุนการลิตลงอย่างน้อย 20 % ต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้อย่างน้อย 20 % ผลผลิตที่ออกมาต้องได้มาตรฐาน GAP หรืออินทรีย์ ต้องมีการเชื่อมโยงการตลาด และต้องต้องมีการบริหารจัดการกลุ่ม
"หากเกษตรสามารถรวมกลุ่มการทำนาแปลงใหญ่ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการผลิตข้าวของชุมชนแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิต การจัดการคุณภาพ และการจัดการด้านการตลาด เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ จะทำให้วิถีชีวิตดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการผลิตข้าวที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด ทำให้ข้าวราคาสูงขึ้นตามไปด้วย" นางจินตนา กล่าว