กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--IR PLUS
บมจ. ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำ ประกาศความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ปีนี้ หลังยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เสนอขายหุ้นไอพีโอ 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมี บล.ทิสโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หวังระดมทุนเพื่อมุ่งขยายกำลังการผลิตและชำระคืนเงินกู้ระยะยาว
นายวิชัย แสงวงศ์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN ("บริษัทฯ") เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นไฟเบอร์บอร์ดความหนาแน่นปานกลาง หรือแผ่นไม้เอ็มดีเอฟ ซึ่งเป็นแผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ และอุตสาหกรรมก่อสร้างและตกแต่งในอาคารบ้านเรือน โดยมีกลุ่มลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้ไม้ยางพาราเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ทั้งนี้ โรงงานของบริษัทฯ ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง จึงมีข้อได้เปรียบในการจัดหาไม้ยางพาราได้ในราคาที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการผลิต ดังนั้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต บริษัทจึงมีเป้าหมายและความพร้อมในการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ("ตลาดหลักทรัพย์ฯ") โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในครั้งนี้
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการระดมทุนครั้งนี้ คือ เพื่อลงทุนเพิ่มสายการผลิตอีก 1 สาย ซึ่งจะช่วยขยายกำลังการผลิตของบริษัทอีกประมาณ 1 เท่าตัว เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าซึ่งมีอยู่ทั่วโลก ส่วนที่เหลือจากโครงการข้างต้นจะถูกนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และชำระเงินกู้ยืมระยะยาวเพื่อเสริมสร้างฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
"ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหาร ซึ่งประกอบธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมแปรรูปไม้มากกว่า 30 ปี ทำให้เล็งเห็นความต้องการใช้แผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเริ่มผลิตและจำหน่ายแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ โดยเลือกใช้เครื่องจักรจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีการผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟของโลก การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ นอกจากเพื่อสนับสนุนเรื่องกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าในธุรกิจ สร้างภาพลักษณ์ ยกระดับมาตรฐานสู่ความเป็นสากล ในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินกิจการภายใต้หลักบรรษัทภิบาล และเป็นอีกก้าวสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว" นายวิชัย กล่าว
นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ รองหัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าตามแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปีนี
โดยปัจจุบัน ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ มีทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 600 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 800 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในอดีต 3 ปี ย้อนหลัง หรือนับตั้งแต่ปี 2557 2558 และ 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม อยู่ที่ 1,547.87 ล้านบาท 1,664.15 ล้านบาท และ 1,492.17 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้แนวโน้มปริมาณการขายสินค้าเพิ่มสูงขึ้นตามคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ซึ่งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก โดยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2557 2558 และ 2559 อยู่ที่ 28.73 ล้านบาท 354.13 ล้านบาท และ 262.58 ล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เป็นผลจากยอดขายเพิ่มขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
"ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ มีความโดดเด่น เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าอย่างกว้างขวาง และมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดเด่นของทีมผู้บริหารซึ่งอยู่ในวงการธุรกิจไม้มายาวนาน ทำให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในธุรกิจเป็นอย่างดี รวมถึง การทำวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแผ่นไม้เอ็มดีเอฟมีความต้องการสูง และเป็นที่นิยมในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และงานก่อสร้าง ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างโดดเด่น และมีความสามารถการทำกำไรอยู่ในระดับสูง โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะสนับสนุนให้บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะเงินที่ได้จากการระดมทุนจะถูกนำไปใช้ในการเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 1 เท่าตัว เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ดังนั้น เชื่อว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จะสนับสนุนให้บริษัทฯ เป็นอีกหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน" นายทวีชัยกล่าว