กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
เวียดนามเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 13 ของโลก และมากที่สุดเป็นอันดับ 8 ของทวีปเอเชีย รวมทั้งมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อภาครัฐตั้งเป้าหมายเป็นประเทศอุตสาหกรรมภายในปี พ.ศ. 2563 ด้วยการพัฒนาใช้เทคโนโลยีและทักษะแรงงานมากขึ้น เพื่อให้เวียดนามสามารถผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้น ภารกิจที่ท้าทายของเวียดนามนั่นคือ การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ
การพัฒนาด้านการศึกษาเวียดนาม จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองชาวเวียดนามก็ให้ความสนใจต่อการศึกษาต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น จากรายงานย้อนหลัง 5 ปีที่แล้ว ของ The World Education News and Reviews (WES) พบว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่นักเรียนศึกษาต่อต่างประเทศมากที่สุด และมีปริมาณนักเรียนศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8 ต่อปี ส่งผลให้ปัจจุบัน นักเรียนชาวเวียดนามมีมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโครงสร้างนักเรียนในสหรัฐอเมริกา
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีมหานคร หรือ MUT ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการและนิทรรศการการศึกษาต่อต่างประเทศ ณ มหาวิทยาลัยเกิ่นเทอ เมืองเกิ่นเทอ ประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า "ร้อยละ 45 ของประชากรเวียดนาม อายุต่ำกว่า 25 ปี จึงทำให้นักเรียนเวียดนาม ยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีการศึกษาต่อต่างประเทศมากที่สุด โดยสถิติล่าสุด ปี พ.ศ. 2558-2559 มีนักเรียนศึกษาต่อต่างประเทศมากกว่า 53,000 ราย โดยประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศยอดนิยมศึกษาต่อ โดยอยู่ในอันดับที่ 8 จาก 20 ประเทศ และอยู่ในอันดับ 3 ของกลุ่มประเทศเอเชีย รองจากญี่ปุ่น และเกาหลี ตามลำดับ ที่สำคัญ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นสาขายอดนิยมอันดับ 3 ที่นักเรียนเวียดนามเลือกศึกษาต่อ
การศึกษาต่อในประเทศไทยของนักเรียนชาวเวียดนาม มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาของไทยเป็นที่ยอมรับ รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่ไม่สูงนัก และค่าครองชีพที่ใกล้เคียงกับเวียดนาม การเข้าร่วมงานครั้งนี้ MUT ได้นำหลักสูตรสองภาษา (MUT Bi-lingual Programme) ร่วมกับมหาวิทยาลัยชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ได้แก่ The University of Sheffield และ Oxford Brookes University ไปเชิญชวนนักเรียนมาศึกษาต่อ โดยเน้นหลักสูตรด้านวิศวกรรมศาสตร์ ใน 4 สาขาที่สอดคล้องกับความต้องการตลาดเวียดนาม ได้แก่ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สาขาวิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมเครื่องกลและยานยนต์ สาขาวิศวกรรมเคมี
บทสรุปที่น่าสนใจจากการเข้าร่วมงาน ผู้ปกครองและนักเรียนชาวเวียดนามจำนวนกว่า 20,000 รายที่เข้าร่วมงาน ให้ความสนใจต่อหลักสูตรด้านวิศวกรรมของ MUT มากที่สุดได้แก่ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมา วิศวกรรมเครื่องกลและยานยนต์ และวิศวกรรมโยธา ขณะเดียวกัน MUT ได้จัดโครงการมอบทุนเรียน ฟรี ให้แก่นักเรียนชาวเวียดนาม และโครงการแลกเปลี่ยนอาจารย์นักวิชาการไทยไปสอนในมหาวิทยาลัยที่เวียดนาม เพื่อแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ระหว่างกัน และเตรียมพร้อมพัฒนาบัณฑิตให้มีศักยภาพและมาตรฐานทันต่อเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคและในระดับโลก