กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--Feel Good Together
ทรีนีตี้ประเมิน ดัชนีหุ้นไทยเมษายนแกว่งตัวแคบ-วอลุ่มบาง หลังเจอวันหยุดยาว เชื่อหุ้นไทยแม้จะแพงแต่ฟันด์โฟลว์ยังเข้า แนะลงทุนในกรอบ 1,550-1,600 จุด เน้น กลุ่มโภคภัณฑ์ กลุ่มปิโตรเคมีที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และ หุ้นที่ได้อานิสงส์จากนโยบายส่งเสริมการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยช่วงเดือนเมษายนนี้จะแกว่งตัวในกรอบ 1,550 – 1,600 จุด ด้วยความผันผวนในระดับต่ำและมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว
โดยมีปัจจัยบวกจากกระแสเงินต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลง จากกรณีความกังวลในการสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐของพรรครีพับรีกัน ประกอบกับตลาดได้รับรู้กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ไปแล้ว
นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้การบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับสูงต่อไป เป็นผลบวกต่อกลุ่ม พลังงาน ปิโตรเคมี ธุรกิจการเกษตร ส่วนราคาน้ำมันดิบมีโอกาสลงจำกัดแล้ว เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันในปีนี้จะอยู่ที่ 50-60 ดอลลาร์สหรับต่อบาเรล และคาดการณ์ว่าที่ประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีการขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตออกไป
ส่วนปัจจัยลบคือ มูลค่าของตลาดหุ้นไทย (Valuation) ที่อยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ ดังนั้นกระแสเงินที่ไหลเข้าไทยจะไม่มากโดยเปรียบเทียบ ขณะที่การลงทุนภาครัฐหลายโครงการถูกเลื่อนออกไป การบริโภคภายในประเทศยังคงชะลอตัว โดยในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ได้มีการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลงเล็กน้อย
นอกจากนี้ในวันที่ 23 เมษายนนี้ยังต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกซึ่งล่าสุดคะแนนนิยมของนางมารีน เลอ เปน ซึ่งเป็นผู้สมัครฝ่ายขวาจัดที่มีจุดยืนในการนำฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป ยังคงสูสีกับนายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ทำให้ประเมินว่าการเลือกตั้งรอบแรกนี้จะยังไม่ได้ผู้ชนะที่ได้คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ จนต้องมีการเลือกตั้งรอบที่ 2 ในวันที่ 7 พฤษภาคม แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่า นายเอมมานูเอล มาครอง มีโอกาสคว้าชัยชนะได้ เนื่องจากจะได้คะแนนของผู้สมัครที่ตกรอบแรกมาครอง
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ แนะนำซื้อเมื่อดัชนีลงมาระดับ 1,550 จุด และ ขายเมื่อดัชนีแตะ 1,600 จุด โดยควรพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก ผสมผสานกับหุ้นที่มีธีมการลงทุนน่าสนใจ คือ หุ้นในกลุ่มโภคภัณฑ์ ได้แก่ PTTEP, STA หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่มีสเปรดอยู่ในช่วงขาขึ้น ได้แก่ VNT, AJ และ หุ้นที่ได้อานิสงส์จากนโยบายส่งเสริมการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ AMATA, ROJNA, WHA