กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ไอแอมพีอาร์
สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธุรกิจบันฑิตย์ นำเสนอผลวิจัย "การปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อสร้างความพร้อมในการประกอบอาชีพแก่เยาวชน" เผยข้อมูลตลาดแรงงานไทยขาดแคลนแรงงานฝีมือ เหตุระบบการศึกษาไทยผลิตบุคลากรไม่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ชี้ต้องปูพื้นฐานทักษะวิชาชีพในเด็กนักเรียนทุกช่วงวัยเพื่อเตรียมกำลังคนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ควบคู่กับการยกระดับพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในปัจจุบัน คาดพร้อมก้าวสู่ยุค 4.0 เต็มตัวได้ในอีก 15 ปีข้างหน้า
ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยข้อมูลจาก "การวิจัยสถานการณ์ตลาดแรงงานในกลุ่มจังหวัด 18 กลุ่ม" ภายใต้ "โครงการการปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อสร้างความพร้อมในการประกอบอาชีพแก่เยาวชน" ว่าภาพรวมของตลาดแรงงานไทยในวันนี้มีความต้องการแรงงานในสายวิชาชีพที่จบ ปวช. ปวส. และ ม.6 ที่มีทักษะอาชีพพอที่จะไปทำงานได้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ ใน 4-5 ปีข้างหน้า เพราะแรงงานกลุ่มนี้จะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 4.0 ด้วยความรวดเร็ว โดยข้อมูล Human Capital Report 2016 ที่จัดทำโดย World Economic Forum พบว่าสัดส่วนของแรงงานฝีมือของประเทศ สวีเดน เยอรมณี สิงค์โปร และฟินแลนด์ นั้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 48 ส่วนประเทศไทยมีเพียงร้อยละ 14.4 ซึ่งถือว่ามีความแตกต่างค่อนข้างมาก
"โครงสร้างแรงงานที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่ยุค 4.0 ได้คือประเทศไทยจะต้องมีแรงงานฝีมือเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40-50 แต่ปัจจุบันกลับมีเพียงร้อยละ 20 และเมื่อดูข้อมูลจะพบว่า อัตราผู้เรียนจบปริญญาตรีในปี 2559 มีผู้ว่างงานถึง 1.79 แสนคน ซึ่งหลายๆ จังหวัดของไทยยังเป็นเศรษฐกิจในยุค 2.0 การจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ 3.0 และ 4.0 ได้ จะต้องถูกขับเคลื่อนด้วยแรงงานในสายวิชาชีพ แต่อีกหลายจังหวัดยังอยู่ที่ 2.0 หรือ 3.0 ก็จะยิ่งสร้างให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการผลิตคนในสายอาชีพนั้นไม่จำเป็นจะต้องผลิตผู้เรียนที่จบอาชีวะเพียงอย่างเดียว แต่สามารถขยายสู่โรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา ให้นักเรียนได้เรียนวิชาชีพที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานในพื้นที่เป็นวิชาเสริมในการเรียนได้ ซึ่งก็จะช่วยให้เด็กมัธยมที่ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อสามารถหางานทำได้ และยังช่วยให้นักเรียนเหล่านี้กลายเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้อีกด้วย ฉะนั้นเพื่อขับเคลื่อนสู่ไทยแลนด์ 4.0 เราจึงต้องการแรงงานฝีมืออีกไม่น้อยกว่า 12 ล้านคน ภายใน 10 ปี"
ดร.เกียรติอนันต์ ยังระบุอีกว่าวันนี้ภาคการศึกษาของไทยเริ่มขยับตัวบ้างแล้ว แต่หากต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปก็คือกระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการจะต้องร่วมกันฝึกทักษะวิชาชีพให้กับเด็กนักเรียน รวมไปถึงคนที่อยู่ในวัยทำงานตอนต้นที่ออกไปทำงานแล้วในขณะนี้ให้มีทักษะวิชาชีพที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งหากสามารถทำควบคู่กันไปได้เชื่อว่าภายในระยะเวลา 5 ปีก็จะเริ่มเห็นภาพการขับเคลื่อนที่การพัฒนากำลังคนและเป้าหมายที่ชัดเจน และคาดว่าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ได้เต็มตัวในอีก 15 ปีข้างหน้าหรือในปี 2575
ดร.พีระ รัตนวิจิตร ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา สพฐ. กล่าวว่า การจัดการศึกษาในปัจจุบันต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกองคาพยพบูรณาการองค์ความรู้ทุกภาคส่วนเข้ามา โดยเฉพาะการทำงานในระดับจังหวัด ซึ่งในวันนี้เรามี กศจ. เป็นคณะทำงานที่จะช่วยทำให้เกิดการปฏิบัติจริงในพื้นที่
"วันนี้ สพฐ.ต้องการให้เด็กไทยมีทักษะพื้นฐาน 3 ด้าน ได้แก่ ทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต และทักษะอาชีพตั้งแต่ระดับปฐมวัย โดยได้เตรียมการพัฒนาครูแนะแนวให้ทำงานในเชิงปฏิบัติให้ได้ วันนี้เรามีโปรแกรมช่วยวิเคราะห์เพื่อค้นหาตัวตนของเด็กแต่ละคนว่ามีความถนัดในด้านไหน และเหมาะที่จะศึกษาต่อในสายใด ให้เด็กเลือกเรียนได้ตามความต้องการและตรงกับความถนัด ก็จะช่วยลดปัญหาเด็กออกกลางคันได้ และในปีหน้าก็จะนำระบบนี้ไปใช้กับเด็กในระดับประถมศึกษา ซึ่งจะเชื่อมโยงกับข้อมูลงานวิจัยและข้อมูลตลาดแรงงานที่ สพฐ. สสค. และ 10 จังหวัดกำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้" ดร.พีระกล่าวสรุป