กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ. เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป หรือ ACAP เผยที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติออกวอร์แรนต์ไม่เกิน 76.17 ล้านหน่วยให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ พร้อมขึ้นเครื่องหมาย XW ในวันที่ 24 เมษายน 2560 เพื่อนำเงินมาขยายพอร์ตสินเชื่อ ด้านผู้บริหาร "สุกัญญา สุขเจริญไกรศรี" ย้ำพอร์ตสินเชื่อปีนี้โตเข้าเป้า 6,000 ล้านบาท เน้นให้บริการสินเชื่อกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่จากความต้องการใช้เงินทุนในการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้านการเจรจาพันธมิตรให้บริการสินเชื่อประเทศเพื่อนบ้าน คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
นางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 มีมติอนุมัติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 2 (ACAP-W2) จำนวนไม่เกิน 76.17 ล้านหน่วยแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ และจะขึ้นเครื่องหมายเพื่อแจ้งสิทธิกรณีผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์ (XW) ในวันที่ 24 เมษายน 2560 โดยกำหนดการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาใช้สิทธิ 6 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดการการใช้สิทธิทุกวันที่ 15 มิถุนายน และ 15 ธันวาคม ตลอดระยะเวลา 2 ปี โดยบริษัทฯ จะนำเม็ดเงินดังกล่าวไปขยายพอร์ตในการปล่อยสินเชื่อในอนาคต
สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2560 หลังจากที่บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ขยายพอร์ตการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ ตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนจากผู้ประกอบการดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อในปีนี้ที่ระดับ 6,000 ล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2559 มีพอร์ตสินเชื่อประมาณ 4,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจทางด้าน Call Center ภายใต้บริษัทย่อย บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACAP กล่าวว่า ธุรกิจดังกล่าวมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายฐานบริการลูกค้าที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตในธุรกิจ Call Center ในปี 2559 เพิ่มขึ้น 25 % จากปี 2558 มีรายได้ 109 ล้านบาท เป็น 136 ล้านบาท ในปี2559
ด้านความคืบหน้าการเจรจากับพาร์ทเนอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อบุกตลาดการปล่อยสินเชื่อ ใน CLMVอาทิ เมียนมาร์ และ กัมพูชา อยู่ระหว่างการศึกษาถึงขั้นตอนความเป็นไปได้ เนื่องจากบริษัทฯ ต้องคำนึงถึงปัจจัยความเสี่ยงให้มากที่สุด แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในเร็วๆ นี้
"ในปี 60 บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการให้บริการสินเชื่อภายในประเทศมากขึ้น โดยเน้นที่คุณภาพพอร์ตสินเชื่อเป็นหลัก แม้ว่าจะมีการเจรจาทางธุรกิจในประเทศกลุ่ม CLMV บ้าง แต่บริษัทฯ จะต้องพิจารณาความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย จึงยังไม่รีบร้อนในการเจรจาหรือลงทุนมากนัก แต่น่าจะมีข่าวดี เร็วๆ นี้" นางสาวสุกัญญา กล่าว