กรุงเทพ--21 ม.ค.--ตลาดหลักทรัพย์ใหม่
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (Market for Alternative Investment : MAI) แถลงวิสัยทัศน์ในการบริหาร MAI ให้เป็นตลาดรองที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนการระดมทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มุ่งเน้นการพัฒนาตลาดให้มีสีสันและทันสมัย ด้วยสินค้าที่หลากหลาย ทั้งขนาดและประเภทอุตสาหกรรม และมีระบบการซื้อขายและกฎเกณฑ์ที่เอื้ออำนวยให้เกิดสภาพคล่องสูงสุด และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนามาตรฐาน ในการดำเนินธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยตั้งเป้าจะนำสินค้าเข้ามาจดทะเบียนประมาณ 6-10 บริษัท ภายในปี 2543
นายยุทธ วรฉัตรธาร ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 มกราคมศกนี้ว่า การเกิดขึ้นของตลาดหลักทรัพย์ใหม่จะช่วยให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีทางเลือกของแหล่งเงินเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น โดยสามารถระดมทุนจากตลาดทุน นอกเหนือจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน แนวทางในการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ใหม่จะมุ่งเน้นการพัฒนาตลาดให้มีสีสัน มีสินค้าที่เป็นที่รู้จักและมีความหลากหลายทั้งในแง่ของขนาดประเภทอุตสาหกรรมและประเภทธุรกิจ นอกจากนี้จะพัฒนาให้เป็นตลาดที่มีความทันสมัย และมีความพร้อมในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง มีระบบการซื้อขายและกฎเกณฑ์ที่เอื้ออำนวยให้เกิดสภาพคล่องและเป็นธรรม ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนามาตรฐานการดำเนินงานของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ยังรองรับการระดมทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีคุณสมบัติบางประการไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของตลาดหลักด้วย
"สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานและการหาบริษัทเข้าจดทะเบียนนั้น ตลาดหลักทรัพย์ใหม่มีจุดขายที่แตกต่างจากตลาดหลักทรัพย์หลักอย่างชัดเจน ในเรื่องของเกณฑ์รับหลักทรัพย์ที่มีลักษณะผ่อนปรนกว่าในเรื่องขนาดของทุนชำระแล้ว และผลการดำเนินงาน เพื่อเอื้อให้บริษัทขนาดกลางและย่อมสามารถเข้ามาจดทะเบียนได้ ในด้านผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาก็จะได้รับยกเว้นภาษีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์หลักทุกประการ นอกจากนั้นภาระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ยังต่ำกว่าในตลาดหลักถึง 50% และบริษัทจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งก่อนและหลังการจดทะเบียน เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงาน และการจัดการในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องระบบบัญชี ระบบการควบคุมภายใน การรายงานทางการเงิน และการเปิดเผยข้อมูล เป็นต้น"
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ใหม่ กล่าวถึงผลการดำเนินการที่ผ่านมาในปี 2542 ว่า หลังจากที่ได้เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2542 ทางตลาดหลักทรัพย์ใหม่ได้เข้าไปพบกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และบริษัทที่แสดงความสนใจแล้วจำนวน 80 บริษัท และร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เป็นศูนย์รวมผู้ประกอบการ อาทิ หน่วยงาน BUILD ของ BOI, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, สภาอุตสาหกรรม ตลอดจนสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) เป็นต้น โดยการจัดสัมมนา/ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการได้รู้จักตลาดหลักทรัพย์ใหม่ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน อีกทั้งยังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดข้อติดขัดสำหรับผู้ประกอบการในการนำบริษัทเข้ามาระดมทุน อาทิ
* การประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนที่กำลังแก้ไขใหม่ให้มีความยืดหยุ่น และสอดคล้องกับลักษณะธุรกิจมากขึ้น
* การประสานงานกับฝ่ายวาณิชธนกิจของบริษัทหลักทรัพย์ ที่สนใจจะนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นายยุทธ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ใหม่มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ ที่มีแนวโน้มการเติบโตดี อุตสาหกรรมส่งออก/ ทดแทนการนำเข้า หรือธุรกิจที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องหรือมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และ อุตสาหกรรมสำคัญที่ภาครัฐมีนโยบายให้การส่งเสริม คาดว่าจะมีบริษัทที่สนใจยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนภายในปีนี้ประมาณ 6-10 บริษัทโดยเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิ อุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติก อุตสาหกรรมผักและผลไม้กระป๋อง อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยาง เป็นต้น ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์กลุ่มแรกได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้--จบ--