กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--
นพ.กลวัชร์ เหล่าชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมตกแต่งและผู้ก่อตั้ง ดีอาร์เค บิวตี้ คลินิก และยังได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ที่โรงพยาบาลศิริราช อยู่เสมอ กล่าวว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า บทบาทหน้าที่ของศัลยแพทย์นั้น คือ การทำอย่างไรให้สวยเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วกว่าจะได้มายืนในหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยแพทย์ได้ต้องผ่านการเรียนรู้เฉพาะทางมาถึง 11 ปี คือเรียนศัลยกรรมทั่วไปก่อน จากนั้น จึงเริ่มเรียน ศัลยกรรมตกแต่ง โดยศัลยกรรมทั่วไปนั้นเป็นงาน "เสริมสร้าง" ซึ่งมุ่งตรงสู่คำว่า "คุณภาพชีวิต" เกี่ยวข้องกับคนไข้ตั้งแต่เด็กจนแก่ เช่นผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่, ผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้พิการในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่วนศัลกรรมตกแต่งหมายถึงทำขึ้นเพื่อ "เสริมสวย" โดยเฉพาะ
แต่ทั้งนี้ในบางครั้งก็ไม่อาจจะแยกคำว่า "เสริมสร้าง" กับ "เสริมสวย" ออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด นพ.กลวัชร์ จึงได้เขียนหนังสือ "ซีรีส์ชีวิตจากห้องผ่าตัด ฉบับสู้แล้วรวย สวยแล้วฟิน" ขึ้น เพื่อยกกรณีตัวอย่าง ให้ผู้คนเข้าใจเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมที่มีคุณภาพมากขึ้น
"คนส่วนใหญ่จะมองว่า อาชีพของผมคือ เสริมสวย แต่จริงๆแล้ว ที่สำคัญที่สุดมันคือ การศัลยกรรม เสริมสร้าง อย่างเช่น พวกปากแหว่งเพดานโหว่ ไฟไหม้น้ำร้อนลวก กระดูกหน้าหัก นิ้วมือขาด
การทำหนังสือเล่มนี้ก็เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจได้มากขึ้น ซึ่งก็จะรับรู้ได้จากเคสตัวอย่าง ซึ่งมันมาจาก การเสริมสร้างมากกว่าอย่างเช่น ทำจมูกแล้วซิลิโคนทะลุมา เราก็ต้องมาแก้ เหมือนศัลยกรรมทั่วไป ต้องคิดว่า ทำอย่างไรให้รอดชีวิต แต่ศัลยกรรมตกแต่ง คือ ต้องดูว่าทำอย่างไรถึงจะสวยงาม เช่น ผู้ป่วยนิ้วโป้งมือขาดวิ่น นอกจากเราจะต้องตัดออกซึ่งเป็นการศัลกรรมทั่วไปแล้ว เรายังต้องคิดว่าจะเอาอะไรจากส่วนไหนมาเปลี่ยน ให้ดูสวยงามเป็นปกติด้วย หรือตัวอย่างในหนังสือเช่น น้องบลอสซั่มซึ่งเป็นรองมิสทิฟฟานี่ปี 2013 และกำลังอยู่ในรายการ เดอะ เฟซ ซีซั่น 3 นั้น ก็มาปรับรูปหน้ากับเราให้เข้ารูปมากขึ้น จากนั้นชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป นี่ก็เหมือนกับโอกาสมา จากคมมีดจริงๆ ซึ่งในหนังสือก็มีเคสที่น่าสนใจอีกหลายตัวอย่าง
งานเสริมสร้างเงินน้อย แต่ความสุขทางใจเยอะมาก เหมือนทำบุญ แล้วข้อดีคือ คาดหวังไม่เยอะมาก เช่น นาย ก. เป็นมะเร็งที่เบ้าตา ผมต้องตัดเปลือกตาออกแล้วหาอย่างอื่นมาใส่ มันไม่สวยหรอก แต่ว่ามัน ใช้งานได้ แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว"
นพ.กลวัชร์กล่าวทิ้งท้ายว่า ในหนังสือเล่มนี้จะมีคำชี้แนะสำหรับการเลือกใช้แพทย์และคลินิก ศัลยกรรมที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับการบริการที่ดีที่สุด จะได้ไม่เป็นดังหลายๆ กรณีที่ได้ยกตัวอย่างไว้
"การเรียนผ่าตัด ไม่นานก็ผ่าเป็น แต่จะให้เป็นผู้เชี่ยวชาญมันจะต้องมีการผ่าตัดเพื่อฝึกอีกเป็นปี บางคนไปเข้าคอร์สเรียนผ่าตัดมาสัปดาห์เดียวก็ออกมาทำเสริมสวยได้แล้ว ไม่ใช่ มันจะต้องไปลองผิดลองถูก อีก อย่างผมไปติดตามอาจารย์ผ่าตัดอยู่ที่ศิริราชอีก 5 ปีนะ เป็น 5 ปีที่ไม่ใช่เฉพาะเวลาทำการ แต่เป็นแบบ ทั้งวันทั้งคืน ทุกวันนี้คลินิกเสริมความงามเยอะมาก เนื่องจากบ้านเราใครเป็นหมอก็เปิดได้ หรือบางคนเปิดร้าน แล้วให้หมอที่รู้จักกันมาทำ คือ บางทีมืออาชีพมันไม่ถึง จิตวิญญาณของการเป็นผู้ให้บริการมันไม่พอ"
"ส่วนศัลยกรรมที่เกาหลีไม่ว่าจะเป็นในไทยหรือมีทัวร์พาไปที่เกาหลี ก็ทำให้การทำงานของเราง่ายขึ้น เพราะมันเป็นข้อเปรียบเทียบว่าของเราถูกกว่า เนื่องจากไม่ต้องเสียค่านายหน้า ค่าเครื่องบิน ที่พัก แล้ว ก็ค่าช้อปปิ้งระหว่างรอหน้ายุบอีก ผมคิดว่าถูกกว่าเกือบ 40% ทั้งที่ของผมก็เกือบแพงที่สุดในเมืองไทย นั่นเป็นเพราะเรารับประกันคุณภาพ อย่างเช่นของเรามีศัลยกรรมทุบโหนก ตัดกราม ของเราทำแล้ว ได้หน้ามาปกติที่สวยขึ้น แต่บางที่ทำแล้วกระดูกที่ถูกทุบไปแล้วอาจจะไม่กลับเข้าที่ก็ได้" นพ.กลวัชร์กล่าว