กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--เมืองไทยประกันชีวิต
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งมอบความสุขและร่วมสืบสานเทศกาลสงกรานต์และวันครอบครัว รวมทั้งเพื่อตอกย้ำความเป็น Digital Insurer ในด้านความเป็นผู้สร้างสรรค์ด้านการสื่อสารผ่าน Social Media ต่างๆ บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวSticker LINE ชุดใหม่ "Rakyim Smile Family" ขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2560 นี้
Sticker Line ชุดนี้นับเป็นชุดที่ 14 ที่บริษัทฯ ได้ออกมาอย่างต่อเนื่อง และมาในรูปแบบ Animation มีให้เลือกใช้อย่างจุใจ ทั้งหมดถึง 16 แบบ ซึ่งมาในรูปแบบครอบครัว ความผูกพันระหว่างน้องรักษ์ยิ้มและผองเพื่อนเนื่องจากกำหนดการออกสติ๊กเกอร์ชุดใหม่นี้อยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และวันครอบครัว จึงออกแบบให้สติ๊กเกอร์ที่ออกมาสอดคล้องกับช่วงเทศกาลและวันสำคัญดังกล่าวนั่นเอง
สำหรับผลตอบรับของสติ๊กเกอร์ไลน์ในชุดที่ผ่านมาถือว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างดี โดยปัจจัยที่ทำให้สติ๊กเกอร์น้องรักษ์ยิ้ม ได้รับความนิยมสูงนั้น มาจากความน่ารักของสติ๊กเกอร์ที่ใช้งานง่ายและสามารถใช้สำหรับการสื่อสารได้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนารูปแบบสติ๊กเกอร์ที่มีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน มีคำพูดที่ติดปากและตรงใจกลุ่มผู้ใช้งานในทุกๆ กลุ่ม ทั้งกลุ่มเด็ก กลุ่มวัยทำงานตลอดจนกลุ่มผู้สูงวัยทำให้ Muang Thai Life LINE Official Account ติดอันดับ 1 ใน 3 ของ LINE Official Account ที่มีผู้ติดตามมากที่สุด และเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มธุรกิจประกันภัย (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มีนาคม 2560)
ความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ผ่านมานั้นพิจารณาได้จาก อัตราการเติบโตเฉลี่ยของผู้ใช้งาน Official Line Account ในปี 2014 (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวนสมาชิก 22 ล้านคน ในปี 2015 (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวนสมาชิกเพิ่มเป็น 33 ล้านคน และในปี 2016 (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวนสมาชิกกว่า 38 ล้านคน และปี 2017 (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 23 มีนาคม 2560) มีจำนวนสมาชิกเกือบ 40 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีอัตราเติบโตสูงมากและต่อเนื่องมาโดยตลอดและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
"บริษัทฯ มีการพัฒนาการสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อการเข้าถึงผู้เอาประกันภัยและสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เอาประกันภัยของเรา โดยเรามีการติดตามแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภครวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่เสมอ พร้อมนำ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ เพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าตลอดจนการสร้างความผูกพันของลูกค้ากับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม และการสร้างความเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้ารวมถึงการรับฟังข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของลูกค้าที่ส่งกลับมายังบริษัทฯ เพื่อการพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด" นายสาระกล่าว