กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--ซี.อาร์.กรุ๊ป
ปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือตึกแถว คงหนีไม่พ้นเรื่องของแรงดันน้ำ เกิดปัญหาน้ำไหลอ่อนเมื่อเปิดใช้พร้อมๆ กัน ปั๊มน้ำ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าสำคัญที่ทุกบ้านต้องมี แต่จะเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับตัวบ้าน
อิงกมล เลิศสุทธิวงค์ ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาองค์กร บริษัท ซี อาร์ กรุ๊ป (จำกัด) กล่าวว่า "ปั๊มน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีจำหน่ายกันมานาน และมีพัฒนาการเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค เป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยเพิ่มแรงดันน้ำให้สูงขึ้น ส่งตรงถึงทุกก๊อกน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้น้ำ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน เครื่องกรองน้ำต่างๆ ภายในบ้าน ปัจจุบันมีปั๊มน้ำให้เลือกหลายแบบ หลายรุ่น แต่หลายบ้านที่ติดปั๊มน้ำแล้ว ก็ยังเกิดปัญหาน้ำเดินแรงบ้าง เบาบ้าง ปั๊มน้ำตัดบ่อยหรือทำงานตลอดเวลา ปั๊มน้ำรั่ว หรือแม้กระทั่งปัญหาเรื่องเสียงดังรบกวนตลอดเวลาเมื่อมีการใช้น้ำ
ปัจจุบันปั๊มน้ำที่ใช้ภายในบ้าน ในอาคาร มีหลายแบบ มีหลักการทำงานต่างๆ กัน แบบที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี 4แบบ ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ แบบมีถังแรงดัน ควบคุมการทำงานด้วย สวิทซ์แรงดัน (Pressure Switch) ปั๊มจะทำงานเมื่อแรงดันในถังแรงดันต่ำกว่าที่ตั้งไว้ และหยุดเมื่อแรงดันสูงถึงกำหนด, ปั๊มน้ำอัตโนมัติ แบบแรงดันคงที่ควบคุมการทำงานด้วย สวิทซ์แรงดัน (Pressure Switch) และสวิทซ์ตรวจจับการไหลของน้ำ (Flow Switch) โดยปั๊มจะทำงานตลอดเวลาที่เปิดน้ำ และจะหยุดเมื่อปิดน้ำ ไม่มีอาการน้ำไหลแรง-เบา ขณะเปิดน้ำ, ปั๊มน้ำอัตโนมัติ แบบอินเวอร์ทเตอร์ ควบคุมการทำงานด้วย อินเวอร์ทเตอร์ (Inverter) ปั๊มทำงานตลอดเวลาที่เปิดน้ำ และปั๊มจะพยายามทำงานให้น้ำไหลแรงเท่ากัน คือเมื่อเปิดก๊อกจำนวนมากขึ้น ปั๊มจะหมุนเร็วขึ้น ให้ปั๊มจ่ายน้ำได้มากขึ้น แต่ก็หมุนเร็วขึ้นได้ค่าหนึ่งเท่านั้น และปั๊มน้ำธรรมดา ควบคุมการทำงานด้วยสวิทซ์ลูกลอย ใช้สูบน้ำขึ้นถังพักน้ำ เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ หรือเก็บน้ำบนอาคาร ฉะนั้นก่อนเลือกปั๊มน้ำ ควรศึกษา และเปรียบเทียบหลักการทำงานต่างๆ ให้เข้ากับลักษณะการใช้งานเป็นสำคัญ
ปัจจุบัน ปั๊มน้ำอัตโนมัติได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับการใช้ภายในบ้าน โดยแบ่งออกเป็น 2แบบ แบบที่ 1 ปั๊มมีถังแรงดันอากาศ แบบที่ 2 ปั๊มแรงดันคงที่ สำหรับปั๊มมีถังแรงดันอากาศ ข้อดีคืออายุการใช้งานนานกว่า แต่ข้อเสียคือตัวถังทำด้วยเหล็กแล้วเคลือบด้านใน พอใช้ไปนานๆ ด้านในจะเป็นสนิม เวลารั่วต้องเปลี่ยนถังใหม่ แต่ปัจจุบันมีเฉพาะตัวถังขาย ถ้ามอเตอร์ไม่เสียก็เปลี่ยนแต่ถัง ส่วนปั๊มแรงดันคงที่ ข้อดีคือถ้าเราเปิดน้ำ 4 จุดพร้อมกัน แรงดันน้ำจะไหลเท่ากันทั้ง 4 จุด ไม่ว่าก๊อกน้ำจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง ถ้าเทียบทั้งสองแบบที่วัตต์เท่ากัน ปั๊มแรงดันอากาศจะดึงน้ำได้แรงกว่า
เบญญาภา เฉลิมวงศาเวช ผู้บริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัท ซี.อาร์.กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมว่า "การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น จะต้องคำนวณจากจำนวนผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอ หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำพร้อมกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ เพราะจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดพร้อมกัน แล้วถ้าเป็นบ้านเดี่ยวแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดพร้อมกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอแนะนำให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วยประหยัดไฟ การติดตั้งปั๊มน้ำก็มีส่วนสำคัญ ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้าน ปัจจุบันมีปั๊มน้ำอัตโนมัตินวตกรรมใหม่ที่เป็นปั๊มอัตโนมัติและบูสเตอร์ในตัว คุณสมบัติกระทัดรัด ติดตั้งง่าย ที่สำคัญเงียบ ไร้เสียงรบกวน เพราะสูบและส่งน้ำด้วยระบบหลายใบพัดที่ช่วยให้การทำงานเงียบสนิท ทั้งยังมีแรงดันคงที่ น้ำไหลแรงเท่ากันทุกก๊อก เพราะภายในมีถุง Diaphragm คอยกักเก็บควบคุมน้ำพร้อมสวิทช์ที่ช่วยควบคุม
นอกจากนี้ยังมี ถังควบคุมแรงดันแสตนเลสเกรดเอ ปลอดสนิม คงทน ประหยัดไฟ และปลอดภัยสูงสุด มีทั้งระบบตัดน้ำเต็ม-น้ำแห้ง และระบบป้องกันอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับบ้านเรือนและอาคาร" อย่างเช่นปั๊มน้ำ KIKAWAที่เป็นผู้บุกเบิกเรื่องนวัตกรรมปั๊มไร้เสียงรบกวนแถมยังให้แรงดันคงที่อีกด้วย