กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--อย.
อย.รุกงานเดินสายจัดอบรมการปรับระบบอาหาร การบังคับใช้ GMP เป็นกฎหมาย เพื่อสร้างความพร้อมให้ สสจ. และเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารทั่วประเทศ ระหว่างเดือนมีนาคม ถึง มิถุนายน 2544 คาดหวังให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการควบคุมกำกับตามระบบที่ปรับปรุงได้อย่างมีประสิทธิผล และเข้าใจระบบอย่างถูกต้องในทิศทางเดียวกัน
ภญ.ฉันทนา จุติเทพารักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีนโยบายปรับปรุงระบบการควบคุมอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค โดยปรับลดงานด้านเอกสารลง และเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในการผลิตอาหารให้มากขึ้น ทั้งนี้ ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการผลิตอาหาร 57 ประเภท ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 193 พ.ศ. 2543 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร (GMP- กฎหมาย) ต้องนำหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต หรือ GMP (Good Manufacturing Practice) มาใช้ในการผลิตอาหาร ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ GMP ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2544 และรายเก่าได้รับการผ่อนผันไปอีก 2 ปี ดังนั้น อย.จึงได้เตรียมความพร้อมให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารทั่วประเทศ โดยจะจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการปรับเปลี่ยนระบบอาหาร แนวทางการอนุญาตในระบบใหม่ หลักเกณฑ์ GMP ที่บังคับใช้เป็นกฎหมาย รวมทั้งแนวปฏิบัติในช่วงต่อระหว่างการบังคับใช้ ซึ่งจะเดินสายจัดอบรมทั่วประเทศ ระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2544 โดย อย.ได้เตรียมเอกสารวิชาการ คู่มือที่เกี่ยวข้อง และสื่อที่ช่วยในการบรรยายเรื่อง GMP- กฎหมายด้วย ทั้งนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมในแต่ละเขต จะนำข้อมูลที่ถูกต้องไปชี้แจงให้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ดำเนินการไปในแนวทางเดียวกัน
ผู้ทรงคุณวุฒิฯ กล่าวต่อไปว่า การปฏิรูประบบการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารสู่ระบบใหม่นี้ จะทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตออกมามีคุณภาพ และมีความปลอดภัยสม่ำเสมอ เกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ โดยผู้บริโภคจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนผู้ประกอบการจะมีการตื่นตัวในการพัฒนาความก้าวหน้าในการประกอบธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพการแข่งขันทางการตลาดภายในประเทศ รวมไปถึงการแข่งขันกับตลาดต่างประเทศ ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้นตามไปด้วย--จบ--
-นห-