กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 12 - 14 เมษายน 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 11 จังหวัด 24 อำเภอ 42 ตำบล 85 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 663 หลัง ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว พร้อมประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เตรียมพร้อมรับมือพายุพายุฤดูร้อนในช่วงวันที่ 14 – 15 เมษายน 2560 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงจัดเตรียมเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 12 - 14เมษายน 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 11 จังหวัด 24 อำเภอ 42 ตำบล 85 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 663 หลัง แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร เลย หนองคาย อุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ น่าน ชัยภูมิ และพะเยาภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี และภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี โดยเมื่อวันที่ 13 เมษายน ๒๕๖๐ เกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด 6 อำเภอ 14 ตำบล 19 หมู่บ้าน ประกอบด้วย จันทบุรีเกิดวาตภัยในพื้นที่ 1 อำเภอ 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลซึ้ง และตำบลวังสรรพรส อำเภอขลุง บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 6 หลัง พะเยา เกิดวาตภัยในพื้นที่ 1 อำเภอ 5 ตำบล 5 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลภูซาง ตำบลป่าสัก ตำบลทุ่งกล้วย ตำบลเชียงแรง และตำบลสบบง อำเภอภูซาง บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 25 หลัง และลพบุรี เกิดวาตภัยในพื้นที่ 4 อำเภอ 8 ตำบล 12 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลยางราก และตำบลวังทอง อำเภอโคกเจริญ ตำบลหนองผักแว่น ตำบลซับจำปา ตำบลหัวลำ และตำบลทะเลวังวัด อำเภอท่าหลวง อำเภอพัฒนานิคม และตำบลเขาแหลม อำเภอชัยบาดาล ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสมอีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 14 – 15 เมษายน 2560 ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก บางพื้นที่ โดยส่งผลกระทบต่อพื้นที่ต่างๆ ดังนี้ ช่วงวันที่ 14 เมษายน 2560 เกิดพายุฤดูร้อนบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวม 32 จังหวัด แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร ตาก และสุโขทัยภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา และภาคตะวันออก 6 จังหวัด ได้แก่ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด ช่วงวันที่ 15 เมษายน 2560 จะเกิดพายุฤดูร้อนเพิ่มมากขึ้นครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย พร้อมจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรง และฟ้าผ่า อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง ท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th