กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ จัดตั้งศูนย์บริการประชาชนช่วงวันหยุดสงกรานต์ 12 – 17 เม.ย.นี้ รวม 220 จุด ริมถนนสายหลักสายรองทั่วประเทศ เตรียมพร้อมให้บริการจุดพักรถที่ปลอดภัย น้ำดื่ม และห้องน้ำสะอาด รวมทั้งมีจุดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร 71 จุด หวังลดการเกิดอุบัติเหตุและเกษตรกรในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งศูนย์บริการประชาชนในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 12 – 17 เมษายน 2560 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. บริเวณริมถนนสายหลักสายรอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและบริการประชาชนในการเดินทางช่วงวันหยุดสงกรานต์ และเป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ รวมทั้งเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรของเกษตรกรในท้องถิ่น
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมของศูนย์บริการฯ ประกอบด้วย การอำนวยความสะดวกและบริการด้านการเดินทาง ทั้งจุดบริการพักรถ น้ำดื่ม และห้องน้ำสะอาด โดยศูนย์บริการฯ จะตั้งอยู่ริมถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ ประกอบด้วย 1) ภาคเหนือ 73 จุด มีจุดจำหน่ายสินค้าเกษตร 22 จุด 2) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 59 จุด มีจุดจำหน่ายสินค้าเกษตร 23 จุด 3) ภาคกลาง 55 จุด มีจุดจำหน่ายสินค้าเกษตร 15 จุด 4) ภาคใต้ 33 จุด มีจุดจำหน่ายสินค้าเกษตร 11 จุด รวมทั้งในบางจุดบริการจะมีการจำหน่ายสินค้าเกษตร เพื่อเป็นช่องทางระบายสินค้าทางการเกษตรของเกษตรกรในท้องถิ่น เช่น ข้าวสาร ผลไม้ หรือผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูปต่างๆ เป็นต้น
"การจัดตั้งศูนย์บริการฯ ควรอยู่ในจุดที่เหมาะสม เป็นเส้นทางที่ประชาชนสัญจรผ่านไปมา เช่น ถนนสายหลักหรือสายรอง และควรจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์กิจกรรม บอกริมทางก่อนถึงจุดบริการเป็นระยะ และมีสถานที่จอดรถที่ปลอดภัย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ให้บริการประจำหน่วย ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ และความสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนน อันเกิดจากความอ่อนล้า-อ่อนเพลียจากการเดินทาง รวมทั้งเป็นช่องทางให้เกษตรกรในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร ณ ศูนย์บริการฯ ดังกล่าว นอกจากจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรฯและส่วนราชการอื่นภายในพื้นที่ กับประชาชนและเกษตรกรแล้ว ประชาชนทั่วไปก็จะได้รับรู้และเข้าร่วมกิจกรรมของกระทรวงเกษตรฯ มากขึ้นด้วย" นายธีรภัทร กล่าว