โบท็อกซ์ได้รับการรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์รักษาริ้วรอยบนใบหน้าเป็นครั้งแรกในภูมิภาคอเมริกาเหนือ

ข่าวทั่วไป Thursday April 12, 2001 09:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โบท็อกซ์ (Botox ‚) ผลิตภัณฑ์ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ขณะนี้ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศแคนาดาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับเสริมความงามเป็นครั้งแรก ภายหลังจากผ่านการทดสอบทางคลินิก
โบท็อกซ์ (Botulinum Toxin Type A) เป็นสารประเภท Purified Neurotoxin Complex ได้รับการผลิตขึ้นโดยบริษัท อัลเลอร์แกน อิงค์ ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขของประเทศแคนาดาได้รับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์รักษาริ้วรอยชนิดถาวรบนใบหน้า หรือที่รู้จักกันว่าริ้วรอยที่เป็นร่องลึกระหว่างคิ้วที่ได้รับการวินิจฉัยจากวงการแพทย์ว่าเป็นผิวเนื้อส่วนเกินบนใบหน้า
ทั้งนี้ นักวิจัยได้ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างทั้งเพศชายและเพศหญิง อายุตั้งแต่ 23 ถึง 76 ปี รวมทั้งสิ้น 264 คน ซึ่งเป็นการศึกษาโดยวิธี double-blind, non drug-controlled โดยผลการศึกษาระบุว่ากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์แสดงการตอบรับทางสถิติและคลินิกในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์
ผลจากการวัดประสิทธิภาพเบื้องต้นพบว่า ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์มีประสิทธิภาพในการลดความรุนแรงของริ้วรอยที่เป็นร่องลึกระหว่างคิ้วในระดับที่กำหนดโดยนักวิจัย และยังมีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงลักษณะของริ้วรอยในกลุ่มตัวอย่างจากทั่วโลก ทั้งนี้ภายในระยะเวลา 30 วันซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถวัดผลได้ดีที่สุดพบว่า ร้อยละ 83.7 ของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาโบท็อกซ์นั้นมีความรุนแรงของริ้วรอยที่เป็นร่องลึกระหว่างคิ้วลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (placebo) ซึ่งพบว่ามีเพียงร้อยละ 1.6 ที่มีริ้วรอยดังกล่าวลดลง
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาโบท็อกซ์ยังสามารถพบการเปลี่ยนแปลงของริ้วรอยจากการสังเกตด้วยตนเองในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 90.1 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ยาที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1.6
สำหรับผลข้างเคียงที่ได้รับรายงานว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้งที่สุดก็คือ อาการปวดศีรษะซึ่งพบในกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาโบท็อกซ์ร้อยละ 15.3 และกลุ่มที่ได้รับยาหลอกนั้นมีสัดส่วนร้อยละ 15 นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาโบท็อกซ์มีโอกาสที่จะเกิดหนังตาหรือหน้าผากหย่อนมากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก (ในสัดส่วนร้อยละ 5.4 ต่อร้อยละ 0) ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆ อันได้แก่ การติดเชื้อ (ในระบบทางเดินหายใจ) อาการคลื่นไส้ ไข้หวัดใหญ่ และกล้ามเนื้อหย่อนยานนั้น มีการระบุว่าเกิดขึ้นกับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ยาโบท็อกซ์เพียงร้อยละ 3 เท่านั้น ในขณะที่กลุ่มที่ไม่ใช้ยาก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
ดร. เลสเตอร์ เจ. แคปแลน ประธานฝ่ายวิจัยและพัฒนาระดับโลก บริษัท อัลเลอร์แกน อิงค์ กล่าวว่า "การได้รับใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศแคนาดาถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญอย่างยิ่งของบริษัทในการดำเนินกลยุทธ์รุกสู่ตลาดโลก เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ให้มีประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้น" และยังเสริมว่า "ทีมวิจัยและพัฒนาของบริษัทได้ใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์มานานกว่า 10 ปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำในการศึกษาเกี่ยวกับการนำสารโบทูลินัม (botulinum) มาใช้ประโยชน์เพิ่มเติมได้หลากหลายประการ"
มร. จีเค แคนนัน หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท อัลเลอร์แกน อิงค์ ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า "การรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศแคนาดาในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดในการลดริ้วรอยบนใบหน้า ปัจจุบันโบท็อกซ์เป็นผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยบนใบหน้าชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งหวังที่จะให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรองจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชีย เพื่อให้โครงการนี้บรรลุผลสำเร็จ"
อนึ่ง ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์มียอดขายสุทธิทั่วโลก สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2543 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 239.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และในเดือนมกราคม 2544 บริษัท อัลเลอร์แกน อิงค์ ได้ทำการยื่นขอรับใบรับรองทางด้านชีววิทยา (Supplementary Biologics License Application) จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาให้กับผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์เพื่อใช้สำหรับการรักษาริ้วรอยที่เป็นร่องลึกระหว่างคิ้วเช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
Burson-Marsteller Hong Kong
Georgette Lee
(852) 2963 5660
Christina Koh
(852) 2963 5672
Marion McDonald
Marketing Manager - Dermatology
Asia Pacific Region
Allergan Asia Limited
Tel: (852) 2401-5821
Fax: (852) 2428-3318
Email: mcdonald_marion@allergan.com-- จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ